สพฐ.เตรียมยกเครื่องระบบย้ายครูใหม่ สกัดทุจริตคอรัปชันและหวังลบคำครหาจ่ายกิโลเมตรละแสน แลกโยกย้ายครู-ผู้บริหาร “กมล” ลั่นแม้พูดต่อก็ต้องยุติในยุคที่เจ้าตัวเป็น เลขาธิการ กพฐ.พร้อมเผยกลุ่มผู้สอบผ่านคัดเลือกรองผอ.-ผอ.หอบดอกไม้ขอบคุณที่ดูแลปัญหา ยันกลุ่มที่ผ่านขึ้นบัญชีไม่ตกแน่นอน กำชับเขตรอการตรวจสอบคะแนนใหม่จาก มศว ก่อน
วันนี้ (29 เม.ย.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ตนได้หารือกับ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เพื่อวางมาตรการและหาแนวทางการจัดการปัญหาการทุจริตทุกประเภทที่เกิดขึ้นในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยเฉพาะกรณีที่มีข้อครหาว่ามีการเรียกรับเงินในการโยกย้ายครูและผู้บริหารโรงเรียน กิโลเมตรละ 100,000 แสนบาท ให้หมดสิ้นไปในยุคที่ตนเป็น เลขาธิการ กพฐ. อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาส่วนตัวไม่เคยได้รับการร้องเรียนหรือมีหลักฐานชัดเจน ในเรื่องดังกล่าว มีแต่ได้ยินเป็นข้อครหาที่มีการพูดต่อๆ กัน แต่ก็ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก ซึ่งตนตั้งใจจะแก้ปัญหาการทุจริตให้ได้ภายใน 6 เดือนและการโยกย้ายครูและผู้บริหารสถานศึกษาต่อจากนี้ไปจะต้องมีความโปร่งใสและเป็นธรรม
“ผมยังไม่มีข้อมูลเชิงตัวเลขหรือการร้องเรียนทางเอกสารอย่างเป็นทางการในเรื่องการโยกย้ายครูหรือผู้บริหารโรงเรียน เพียงแต่เป็นการพูดต่อๆกันว่า หากมีความประสงค์จะย้ายก็ต้องจ่ายให้กิโลละแสน อีกทั้ง ยังได้ยินว่าการโยกย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนก็มีการเรียกรับเงินเกิดขึ้น ดังนั้น แม้จะเป็นคำกล่าวอ้างที่พูดต่อๆกันผมก็จะไม่นิ่งเฉย และจะเข้าไปตรวจสอบจัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยจะเป็นการเคลียร์ระบบการโยกย้ายครูใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการทุจริตคอรัปชันเกิดขึ้นในอนาคต แม้เรื่องเหล่านั้นจะเป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริงก็ตาม เพราะหากปล่อยไว้ก็จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของ สพฐ.เอง ซึ่งวันนี้พวกเราได้พิสูจน์ตัวเองหลายเรื่องไม่ว่าเป็นเรื่องการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วย การสอบคัดเลือกตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา ไม่มีการเรียกรับเงินแม้แต่บาทเดียว ซึ่งผมเองก็ไม่เคยได้รับเงินในการโยกย้ายครูแม้แต่บาทเดียว” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00 น. ตัวแทนผู้ที่สอบผ่านการคัดเลือกผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่งได้รับการประกาศรายชื่อไปแล้ว ประมาณ 40 คน ได้เดินทางมาพบนายกมล พื่อขอบคุณกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้แก้ไขปัญหากรณีข้อสอบคัดเลือกผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่งออกข้อสอบโดยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) มีความคลาดเคลื่อน แบ่งเป็นระดับผู้อำนวยการสถานศึกษา 4 ข้อและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา 2 ข้อ โดยนายกมล กล่าวว่า กลุ่มผู้ที่สอบผ่านได้ขอบคุณที่ สพฐ.แก้ปัญหาโดยคำนึงถึงความถูกต้อง ผลประโยชน์ขององค์กร พร้อมคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้เข้าสอบทุกคนด้วย โดยตนได้ยืนยันไปว่าถึงแม้ สพฐ.จะให้ มศว ตรวจคะแนนผู้เข้าสอบใหม่ทุกคน และจัดส่งคะแนนให้เขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 225 เขต แต่สำหรับผู้ที่สอบผ่านแล้ว จะไม่มีการไปลดคะแนนลงอย่างใด เพราะกรณีนี้ถือว่า เป็นความผิดพลาดของข้อสอบ ดังนั้นจึงต้องยกประโยชน์ให้ผู้เข้าสอบ
“จากการที่ได้พูดคุยกับผู้ที่ขึ้นบัญชีแล้ว เขายอมรับได้ถ้าตรวจข้อสอบใหม่แล้วทำให้ลำดับที่ของตนเองในบัญชีที่ขึ้นไว้แล้วต้องสลับสับเปลี่ยน ซึ่งในส่วนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ก็ต้องรอดูคะแนนใหม่จาก มศว ก่อน ซึ่งตามกำหนดจะส่งเขตพื้นที่ฯ ภายในวันที่ 8 พฤษภาคม แต่หากพบว่าไม่ได้ทำให้ลำดับในบัญชีรายชื่อเปลี่ยนแปลงไปมาก ก็ให้ดำเนินการบรรจุแต่งตั้งได้ทันที แต่ถ้าลำดับมีการเปลี่ยนแปลง มีผู้ได้รับการประกาศรายชื่อขึ้นบัญชีเพิ่ม ก็ต้องรอบรรจุหลังจากผู้ที่ได้รับการประกาศรายชื่อเพิ่ม ได้รับการอบรมตามระเบียบแล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน”นายกมล กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ที่สอบผ่านและได้รับการประกาศรายชื่อขึ้นบัญชีแล้ว จำนวน 3,791 คน แบ่งเป็น ผู้อำนวยการสถานศึกษา 2,288 คน รองผู้อำนวยการสถานศึกษา 1,503 คน โดยหลังจากเรียกบรรจุไปแล้วจะตำแหน่งว่างอีกจำนวน 1,697 อัตรา แบ่งเป็น ผู้อำนวยการสถานศึกษา 1,284 อัตรา รองผู้อำนวยการสถานศึกษา 413 อัตรา
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (29 เม.ย.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ตนได้หารือกับ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เพื่อวางมาตรการและหาแนวทางการจัดการปัญหาการทุจริตทุกประเภทที่เกิดขึ้นในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยเฉพาะกรณีที่มีข้อครหาว่ามีการเรียกรับเงินในการโยกย้ายครูและผู้บริหารโรงเรียน กิโลเมตรละ 100,000 แสนบาท ให้หมดสิ้นไปในยุคที่ตนเป็น เลขาธิการ กพฐ. อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาส่วนตัวไม่เคยได้รับการร้องเรียนหรือมีหลักฐานชัดเจน ในเรื่องดังกล่าว มีแต่ได้ยินเป็นข้อครหาที่มีการพูดต่อๆ กัน แต่ก็ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก ซึ่งตนตั้งใจจะแก้ปัญหาการทุจริตให้ได้ภายใน 6 เดือนและการโยกย้ายครูและผู้บริหารสถานศึกษาต่อจากนี้ไปจะต้องมีความโปร่งใสและเป็นธรรม
“ผมยังไม่มีข้อมูลเชิงตัวเลขหรือการร้องเรียนทางเอกสารอย่างเป็นทางการในเรื่องการโยกย้ายครูหรือผู้บริหารโรงเรียน เพียงแต่เป็นการพูดต่อๆกันว่า หากมีความประสงค์จะย้ายก็ต้องจ่ายให้กิโลละแสน อีกทั้ง ยังได้ยินว่าการโยกย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนก็มีการเรียกรับเงินเกิดขึ้น ดังนั้น แม้จะเป็นคำกล่าวอ้างที่พูดต่อๆกันผมก็จะไม่นิ่งเฉย และจะเข้าไปตรวจสอบจัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยจะเป็นการเคลียร์ระบบการโยกย้ายครูใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการทุจริตคอรัปชันเกิดขึ้นในอนาคต แม้เรื่องเหล่านั้นจะเป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริงก็ตาม เพราะหากปล่อยไว้ก็จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของ สพฐ.เอง ซึ่งวันนี้พวกเราได้พิสูจน์ตัวเองหลายเรื่องไม่ว่าเป็นเรื่องการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วย การสอบคัดเลือกตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา ไม่มีการเรียกรับเงินแม้แต่บาทเดียว ซึ่งผมเองก็ไม่เคยได้รับเงินในการโยกย้ายครูแม้แต่บาทเดียว” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00 น. ตัวแทนผู้ที่สอบผ่านการคัดเลือกผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่งได้รับการประกาศรายชื่อไปแล้ว ประมาณ 40 คน ได้เดินทางมาพบนายกมล พื่อขอบคุณกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้แก้ไขปัญหากรณีข้อสอบคัดเลือกผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่งออกข้อสอบโดยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) มีความคลาดเคลื่อน แบ่งเป็นระดับผู้อำนวยการสถานศึกษา 4 ข้อและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา 2 ข้อ โดยนายกมล กล่าวว่า กลุ่มผู้ที่สอบผ่านได้ขอบคุณที่ สพฐ.แก้ปัญหาโดยคำนึงถึงความถูกต้อง ผลประโยชน์ขององค์กร พร้อมคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้เข้าสอบทุกคนด้วย โดยตนได้ยืนยันไปว่าถึงแม้ สพฐ.จะให้ มศว ตรวจคะแนนผู้เข้าสอบใหม่ทุกคน และจัดส่งคะแนนให้เขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 225 เขต แต่สำหรับผู้ที่สอบผ่านแล้ว จะไม่มีการไปลดคะแนนลงอย่างใด เพราะกรณีนี้ถือว่า เป็นความผิดพลาดของข้อสอบ ดังนั้นจึงต้องยกประโยชน์ให้ผู้เข้าสอบ
“จากการที่ได้พูดคุยกับผู้ที่ขึ้นบัญชีแล้ว เขายอมรับได้ถ้าตรวจข้อสอบใหม่แล้วทำให้ลำดับที่ของตนเองในบัญชีที่ขึ้นไว้แล้วต้องสลับสับเปลี่ยน ซึ่งในส่วนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ก็ต้องรอดูคะแนนใหม่จาก มศว ก่อน ซึ่งตามกำหนดจะส่งเขตพื้นที่ฯ ภายในวันที่ 8 พฤษภาคม แต่หากพบว่าไม่ได้ทำให้ลำดับในบัญชีรายชื่อเปลี่ยนแปลงไปมาก ก็ให้ดำเนินการบรรจุแต่งตั้งได้ทันที แต่ถ้าลำดับมีการเปลี่ยนแปลง มีผู้ได้รับการประกาศรายชื่อขึ้นบัญชีเพิ่ม ก็ต้องรอบรรจุหลังจากผู้ที่ได้รับการประกาศรายชื่อเพิ่ม ได้รับการอบรมตามระเบียบแล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน”นายกมล กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ที่สอบผ่านและได้รับการประกาศรายชื่อขึ้นบัญชีแล้ว จำนวน 3,791 คน แบ่งเป็น ผู้อำนวยการสถานศึกษา 2,288 คน รองผู้อำนวยการสถานศึกษา 1,503 คน โดยหลังจากเรียกบรรจุไปแล้วจะตำแหน่งว่างอีกจำนวน 1,697 อัตรา แบ่งเป็น ผู้อำนวยการสถานศึกษา 1,284 อัตรา รองผู้อำนวยการสถานศึกษา 413 อัตรา
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่