xs
xsm
sm
md
lg

สช.จี้ ร.ร.เอกชนส่งคืนเงินรายหัวที่ขออุดหนุนเกินจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร
สช. จี้ ร.ร. เอกชนส่งคืนเงินอุดหนุน หลังตรวจสอบพบมีการขอรับเงินอุดหนุนเกินจริง “บัณฑิต” แจง ร.ร. ส่วนใหญ่ไม่มีเจตนาขอรับเงินอุดหนุนเกิน แต่เพราะ ร.ร. ไม่อัปเดตระบบทะเบียนทำให้ข้อมูลไม่ทันสมัย พบรายชื่อซ้ำซ้อนส่วนใหญ่พบซ้ำกับ สพฐ.- สอศ. เตรียมเร่งทำความเข้าใจกับ ร.ร. ทุกแห่งในการแจ้งข้อมูลผ่าน PSIS พร้อมเผย ร.ร. ที่ต้องคืนเงินให้มากกว่า 1 ล้านบาท จะอนุโลมให้จ่ายเป็นงวดๆเพื่อไม่ให้กระทบคุณภาพการจัดการศึกษา

นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) เปิดเผยว่า ในปีการศึกษา 2557 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนการศึกษาของโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ ผ่านระบบ สารสนเทศและการบริหารจัดการเงินอุดหุน (PSIS) ซึ่งเป็นการตรวจสอบฐานข้อมูลด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก พบว่า มีโรงเรียนเอกชนจำนวนหนึ่งได้มีการขอรับเงินอุดหนุนการศึกษาในจำนวนที่ไม่ตรงกับตัวเลขของนักเรียนที่มีอยู่จริง รวมทั้งประเทศทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ทุกระดับชั้นตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) มีประมาณ 40,000 ราย และจากการส่งเจ้าหน้าที่ สช. จังหวัด ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ไปตรวจสอบซ้ำกับทางโรงเรียนอีกครั้งก็พบข้อมูลนักเรียนมีรายชื่อซ้ำซ้อนกันจริง โดยส่วนใหญ่จะซ้ำซ้อนกับโรงเรียนในสังกัดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ดังนั้น สช. จึงได้มีหนังสือแจ้งไปยังโรงเรียนที่ขอรับเงินอุดหนุนเกินกว่าจำนวนนักเรียนที่มีอยู่จริงให้ส่งเงินคืนกลับมายัง สช. โดยด่วน

“เท่าที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พบว่าส่วนใหญ่แล้วโรงเรียนไม่ได้มีเจตนาที่จะแจ้งตัวเลขจำนวนนักเรียนเพื่อขอรับเงินอุดหนุนเกินกว่าความเป็นจริง แต่เกิดจากระบบของการส่งต่อนักเรียน และผู้ปฏิบัติงานในฝ่ายทะเบียนเองที่ไม่มีการอัปเดตข้อมูลของนักเรียนให้เป็นปัจจุบัน เช่น เด็กบางคนย้ายออกไปเรียนที่อื่นแล้วแต่ยังไม่ได้ตัดชื่อออกจากระบบของ โรงเรียนเดิม หรือเด็กบางคนก็ไม่ได้แจ้งย้ายออกแต่หายไปเฉยๆ ไม่มาเรียนต่อ เนื่องจากย้ายตามผู้ปกครองซึ่งต้องย้ายที่ทำงานไปที่อื่น ทำให้มีรายชื่อค้างอยู่ในโรงเรียนเดิม ซึ่งหลังจากนี้ สช. จะเร่งทำความเข้าใจกับโรงเรียนในสังกัด และเข้มงวดให้มีการดำเนินการเรื่องนี้ผ่านระบบ PSIS อย่างจริงจัง เพื่อลดปัญหา หรือป้องกันปัญหาในลักษณะเช่นนี้ขึ้นมาอีก” เลขาธิการ กช. กล่าว

นายบัณฑิตย์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ การเรียกเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวดังกล่าวจากโรงเรียนคืนนั้น หากเป็นจำนวนมากเกินกว่า 1 ล้านบาท สช. จะอนุโลมให้มีการผ่อนจ่ายคืนเป็นงวดๆ ได้ เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบกับเรื่องคุณภาพในการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน หรือหากโรงเรียนมีกำลังที่จะจ่ายคืนทันทีก็ยิ่งดี แต่ถ้าโรงเรียนใดต้องจ่ายคืนจำนวนไม่มากก็ขอให้ส่งคืนเงินทั้งหมดทันที ทั้งนี้ หากนิ่งเฉยก็อาจจะส่งผลต่อการพิจารณาเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวในปีต่อไปได้

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น