อาจมีเด็ก 5 ขวบบางคนอยากนอนพร้อมกับเอาไม้เทนนิสไว้ใต้หมอน เพราะรู้สึกปลอดภัย เขากลัวว่าหากคืนนี้หากขโมยมาปล้นบ้าน เขาจะได้ป้องกันตัว และดูเหมือนไม้เทนนิสของคุณพ่อ ท่าจะเหมาะที่สุด แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่เห็นด้วยและไม่ยอมให้ลูกไปนอนพร้อมไม้เทนนิส คุณพ่อคุณแม่ไม่รู้ว่าเด็กที่มีความวิตกกังวลกำลังเผชิญปัญหาที่น่ากลัวอะไรอยู่ หากดูตามหลักเหตุผล ไม่มีการปล้นเกิดขึ้นในบริเวณแถวบ้าน และบ้านเราก็ไม่เคยถูกปล้น สัญญาณกันขโมยก็ใช้งานได้ดี ไม่เห็นมีอะไรที่น่ากังวล
แต่คนที่มีความวิตกกังวลมักไม่มีเหตุผล ความวิตกกังวลคืออะไร คืออาการที่เกิดขึ้นทางอารมณ์ เป็นอาการหวาดกลัว ไม่สบายใจ เครียด อาจเกิดจาก การคาดคะเนเหตุการณ์ล่วงหน้าในสถานการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นและคิดว่ากำลงจะเกิดขึ้น เป็นพฤติกรรมทางจิตที่สามารถส่งผลต่อพฤติกรรมทางกายได้ เช่น นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก ปัสสาวะบ่อยๆ เป็นต้น เป็นพฤติกรรมที่บั่นทอนสุขภาพ และความเชื่อมั่นของผู้ที่เป็น
คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักไม่เข้าใจเรื่องความวิตกกังวลของลูก ว่ามีมากน้อยเพียงใดและเมื่อรู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผล จะให้ลูกเลิกคิดและตัดสิ่งต่างๆที่ลูกขอ ให้เรามาดูวิธีการช่วยลูกเมื่อลูกมีความวิตกกังวลกันดีกว่า
1. คุณแม่มักพูดว่า เชื่อแม่เหอะเดี๋ยว มันจะไม่เป็นไรแต่ในสมองของลูกอยากจะพูดตอบไปว่า แม่คะหนูรู้ว่าแม่กำลังพยายามทำให้หนู รู้สึกดีขึ้น แต่มันตรงข้ามกับใจหนู มันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ และดูเหมือนร่างกายของหนูก็ตอบสนองต่อจิตใจของหนูด้วย ท้องเริ่มปั่นป่วน มือเหงื่อออก คำพูดปลอบประโลมต่างๆ ไม่สามารถจะช่วยหนูได้ ความเครียดจะส่งผลต่อระบบประสาท การต่อสู้ภายในและการพ่ายแพ้ภายในทำให้เกิดความวิตกกังวลในขั้นลึก ทำให้ระบบความคิดไม่ชัดเจน และมีคำพูดซ้ำๆที่ไม่สมเหตุสมผล
วิธีการช่วยเหลือ คุณแม่ควรตอบสนองลูกโดยกอดและช่วยพูดให้ลูกสงบลงก่อน หลังจากนั้นใช้เทคนิคการหายใจ เข้าออกกับลูก สิ่งนี้จะช่วยร่างกายได้ผ่อนคลาย และสงบลงได้
2. คุณพ่อพูดว่า ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว แต่ลูกอยากตอบกลับไปว่า คุณพ่อครับจำได้ไหมในครั้งแรกที่คุณพ่อขอนัดคุณแม่ครั้งแรก หรือจำได้ไหมถึงการสัมภาษณ์ครั้งแรก หรือการขี่จักรยานและประสบอุบัติเหตุครั้งแรกเป็นอย่างไร บางทีคุณพ่ออาจรู้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมไม่รู้ คุณพ่อเคยกลัวและผมก็กำลังกลัวแบบนั้นเหมือนกัน ความวิตกกังวลเป็นความกลัวที่อยู่ภายในจิตใจและร่างกายของเด็ก เป็นเหมือนสัญญาณเตือนภัยที่ดังขึ้นทั้งๆที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น สัญญาณนี้เกิดขึ้นเพื่อป้องกันความเครียดหรือความกลัวภายใน เพื่อที่จะหาหนทางรอด เพื่อให้ได้รับความสนใจ
วิธีการแก้ไขให้เราประเมินอารมณ์ของลูก คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้คำพูดว่า พ่อเห็นว่าลูกกลัว และแม่ก็เคยกลัวอย่างนั้นมาก่อนเหมือนกัน
3. บางทีคุณแม่อาจพูดว่า เดี๋ยวแม่จะบอกเหตุผลร้อยแปดพันอย่างที่บอกลูกว่าลูกไม่ต้องกลัว และลูกก็อยากตอบไปว่า แม่คะ หนูรู้ว่าแม่พูดถูก แต่ตอนนี้มันยากที่จะคิดอย่างชัดเจน และไม่มีเหตุผล หนูมีความรู้สึกวิตกกังวลมาก และกลุ้มใจในสิ่งนั้น จนไม่สามารถคิดอย่างชัดเจนได้
สิ่งที่เรารู้คือ ความวิตกกังวลตอบสนองต่อสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นสมองส่วนความคิดอย่างสมเหตุสมผล สมองส่วนอารมณ์จะเข้ามาทำงานแทนที่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมนุษย์ถ้ำถึงกลัวและวิ่งหนี หลบซ่อนตัวว่าจะมีสัตว์ประหลาดจะมากิน
วิธีการแก้ไข ให้ใช้วิธีทำให้ระบบประสาทเหล่านั้นสงบลง โดยใช้แบบฝึกหัดการใช้สายตา ขอให้ลูกหลับตาจินตนาการถึง สถานที่ ที่อยากไป สงบ สวยงาม ให้หายใจ เข้าออกอย่างผ่อนคลาย และอธิบายถึงสถานที่ไป เมื่อลูกเริ่มสงบ ให้คุยกับลูกว่า ความจริงแล้ว ความรู้สึกนั้นบางครั้งไม่ได้เป็นสิ่งที่เป็นความจริงเสมอไป และเราอาจพูดกลับไปสู่ความรู้สึกนั้นว่า ฉันรู้นะว่าเธอไม่มีจริง การฝึกพูดกับความคิดและควบคุม หยุดความคิดทำให้หยุดความวิตกกังวลได้
4. คุณพ่อตะโกนขึ้นว่า หยุดเป็นคนขี้วิตกกังวลสักที และลูกก็อยากจะตะโกนกลับไปว่า พ่อครับ ผมรู้ว่าพ่อหงุดหงิดและโกรธ และนี่ก็ทำให้ผมรู้สึกแย่กว่าเดิม ผมก็อยากจะหยุดความวิตกกังวลนี้เหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ถ้าผมทำได้ก็ดี สิ่งที่เราเรียนรู้คือ เด็กที่มีความวิตกกังวลจะรู้ว่าเขามีความวิตกกังวลมากกว่าเด็กอื่น เพราะพวกเขาได้รับการตราหน้าว่า เป็นเด็กขี้กังวลตั้งแต่เล็ก พวกเขาเปรียบเทียบตัวเขาเองกับเด็กอื่น และประจวบกับพ่อแม่ใส่ความรู้สึกผิดให้พวกเขาตั้งแต่ยังเล็กทำให้เพิ่มความวิตกกังวลเข้าไปอีก ให้เราจำไว้ว่าเด็กจะรู้สึกหมดหวัง เมื่อผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเรื่องความวิตกกังวลของพวกเขา
วิธีแก้ไข คุณพ่อคุณแม่ต้อง พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ตีตราเด็ก ว่าเขาเป็นเด็กขี้กลัว แต่ในทางตรงกันข้าม พยายามให้ลูกผ่อนคลาย อธิบายถึงความวิตกกังวล ว่ามันมาจากอะไร มาได้อย่างไร และทุกคนเคยผ่านความวิตกกังวลทั้งนั้น
5. คุณพ่อคุณแม่พูดว่า พ่อแม่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลูกถึงกลัวมากขนาดนั้น และลูกก็คงอยากตอบกลับไปเหมือนกันว่า หนูรู้ว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจ แต่หนูอยากให้พ่อแม่พยายามเข้าใจ ว่าหนูกำลังเผชิญอะไรอยู่ จับตรงหัวใจของหนูซิ ฟังเสียงหายใจที่ติดขัดของหนู ดูหนูซิมันเกิดขึ้นจริง และหนูอยากให้พ่อแม่เข้าใจ บอกหนูทีซิว่าพ่อแม่เข้าใจ สิ่งที่เราเรียนรู้คือ เมื่อลูกมีความวิตกกังวล ลูกจะรู้สึกกลัวและสิ้นหวัง คุณพ่อคุณแม่คงเคยมีความรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน ให้เราแสดงความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของลูก โดยการเข้าไปนั่งที่เดียวกันกับลูก ความเข้าใจจะเป็นขั้นตอนแรกที่จะเข้าไปช่วยกำจัดความวิตกกังวลของลูกได้
วิธีแก้ไข ให้เราลองนึกภาพสมัยเด็กเมื่อเรามีความวิตกกังวล มีความกลัวมาก และเชื่อมโยงความสัมพันธ์นั้นกับลูก ใช้คำพูดว่า พ่อแม่เข้าใจแล้ว ให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องท้าทาย ให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่เห็นและเข้าใจสิ่งที่ลูกกำลังเผชิญจริงๆ
สุดท้ายนี้ คุณพ่อคุณแม่ที่คอยให้กำลังใจ ช่วยเหลือและไม่เคยเห็นเรื่องของลูกเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่เคยสิ้นหวังในตัวลูก จะเป็นกำลังสนับสนุนให้ลูกสามารถเผชิญปัญหาและผ่านพ้นไปได้ เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.yahoo.com/parenting/5-things-you-shouldn’t-say-to-an-anxious-child
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่