กยศ.ไม่ลดเกณฑ์ขั้นต่ำ 2.00 ปล่อยกู้ ชี้ทั้งระบบมีปัญหาไม่ถึง 10%

กยศ. ยันไม่ลดเกณฑ์ขั้นต่ำ 2.00 ในการปล่อยกู้ เหตุภาพรวมมีไม่ถึง 10% ของผู้กู้ทั้งระบบ พร้อมเตรียมหามาตรการเยียวยา ฟุ้งโครงการรณรงค์ชำระหนี้ยอดชำระพุ่ง 1,000 กว่าล้าน

วันนี้ (12 มี.ค.) น.ส.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการบริหาร กยศ. มีมติปรับหลักเกณฑ์การกู้ยืมที่กำหนดให้ผู้กู้ยืมทั้งรายเก่าและรายใหม่ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 2.00 โดยจะเริ่มทันทีในปีการศึกษา 2558 นี้นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมติดังกล่าวและไม่มีการอนุโลม ให้ผู้กู้รายเก่าที่เกรดเฉลี่ยไม่ถึง 2.00 แต่ไม่ต่ำกว่า 1.75 ได้มีสิทธิกู้ยืมต่อไปอีก 1 ปี และในการประชุมคณะกรรมการบริหาร กยศ. ก็ไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ กยศ. กำหนดหลักเกณฑ์การกู้ยืมดังกล่าวขึ้นมา เป็นไปตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการให้ กยศ. ปล่อยกู้ให้ยาก จ่ายคืนให้ง่าย ดังนั้น การปล่อยกู้ก็จะต้องดูความจำเป็น ไม่ใช่ให้กู้ง่าย แต่เด็กเรียนไม่จบ หางานทำไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่มีเงินใช้หนี้กลายเป็นความสูญเสีย

“ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่า หลักเกณฑ์ดังกล่าว ไม่เป็นธรรมกับผู้กู้รายเก่า นั้น เร็วๆ นี้กยศ. จะเสนอมาตรการเยียวยาผู้กู้รายเก่าที่เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 2.00 ซึ่งเท่าที่ดูภาพรวมแล้ว มีไม่ถึง 10% ของจำนวนผู้กู้ทั้งระบบ ส่วนมาตรการที่จะออกมาจะเป็นอย่างไรนั้น ไม่สามารถตอบได้ ต้องรอให้คณะกรรมการบริหาร กยศ. พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แต่เบื้องต้นหลักเกณฑ์การกู้ยืมยังยืนยันตามมติเดิม ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่า เด็กทุกคนควรตั้งใจเรียน เพื่อแสดงถึงความมีวินัย และความรับผิดชอบ และเกรดเฉลี่ย 2.00 ที่ กยศ. กำหนดก็ไม่ได้มากเกินไป เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำหากเด็กที่เรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้วไม่ถึง 2.00 ก็จะไม่จบการศึกษา ยิ่งเป็นผู้กู้ กยศ. ที่ใช้เงินรัฐบาลในการศึกษา ก็ยิ่งต้องมีวินัยและมีความรับผิดชอบ” น.ส.ฑิตติมา กล่าว

ผู้จัดการ กยศ. กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการรณรงค์ชำระหนี้ ซึ่งเปิดให้ร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2557 - 30 เมษายน 2558 โดยลดเบี้ยปรับ 50 - 100% ลดเงินต้น 3% เพื่อจูงใจผู้กู้ยืมให้มาชำระหนี้ให้เป็นปกติหรือมาชำระหนี้ปิดบัญชีนั้น ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับจากค่อนข้างดี มีผู้มาชำระหนี้มากกว่าครั้งที่ผ่านมา โดยขณะนี้มียอดชำระหนี้แล้วประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท ซึ่งอาจจะเป็นเพราะผู้ปกครอง และผู้กู้เริ่มเข้าใจว่า เมื่อกู้แล้วต้องชำระคืน ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี และต่อไปจะมีนำข้อมูลผู้กู้ทั้งรายเก่าและรายใหม่ไปอยู่ในระบบของศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือ เครดิตบูโร ด้วย
 
 
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่