หมอผิวหนัง เผย มีคนไทยเสียโฉมจากการทำสวยด้วยหมอกระเป๋าเพียบ แถมแนวโน้มเพิ่มขึ้น แค่ รพ.ศิริราช ที่เดียวมารับการแก้ไขหน้าเน่าจากการทำสวยเดือนละ 1 คน เผยบางอย่างแก้ไขยาก พบการติดเชื้อ ขณะที่การฉีดฟิลเลอร์น่าห่วงสุด
วันนี้ (6 มี.ค.) พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา ผู้เชี่ยวชาญด้านตจวิทยา สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวในงานครบรอบ 40 ปี สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ว่า คนไทยนิยมรับบริการทางการแพทย์เพื่อความงามมากขึ้น แต่ก็พบผู้ที่ได้รับความเสียหายมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะการทำหัตถการด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้มาตรฐาน จากคนที่ไม่ใช่แพทย์ การใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมกับผู้ป่วย เช่น การทำเลเซอร์โดยผู้ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เกิดผิวหนังไหม้ แดง ดำ พองเป็นตุ่มน้ำ การทำไอพีแอล (IPL) ทำให้ผิวหนังไหม้เป็นริ้วๆ มีตุ่มน้ำพองๆ ซึ่งต้องใช้เวลาในการรักษาแผลดังกล่าวนานถึง 5 เดือน กว่าผิวหนังจะกลับสู่สภาพปกติ หรือทำให้สีผิวผิดปกติเป็นจุดสีดำ หรือสีขาว จากการใช้ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งถ้าเป็นจุดสีดำสามารถหายเองได้ แต่ถ้าเป็นจุดสีขาวค่อนข้างหายยาก
พญ.รังสิมา กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบการการติดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ต้องรับประทานยานานถึง 6 - 8 เดือน จึงหาย และพบทำให้แผลอักเสบ กลายเป็นรอยแผลเป็นจากการทำหัตถการขึ้นมาอีก ทั้งนี้ ยังพบผู้ป่วยบางรายที่มีเชื้อเริมอยู่นั้น เกิดการแพร่กระจายของเชื้อดังกล่าวไปตามแผลที่เกิดจากหัตถการทางการแพทย์ด้วย
“หลังๆ มาเราพบหมอกระเป๋าที่หิ้วเครื่องมือแพทย์มาเปิดให้บริการตามตลาดและคิดราคาถูกๆ 30 - 50 บาทนั้นเอง ไปฉีดท็อกซิน ฟิลเลอร์ ติดเชื้อเนื้อตาย ตาบอด ตรงนี้ทำให้ผู้มารับบริการได้รับผลกระทบจำนวนมาก โดยขณะนี้มีผู้มารับบริการแก้ไขความบกพร่อง หรือผลกระทบจากการรับบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน ที่ รพ.ศิริราช อย่างน้อยเดือนละ 1 คน โดยเฉพาะฟิลเลอร์ เรื่องนี้น่าเป็นห่วงมาก” พญ.รังสิมา กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่