หลายคนมีความเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นมาพร้อมกับเราเมื่อยังเด็ก บางคนเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่สร้างได้หากได้รับประสบการณ์และการจัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม บางคนเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์เกิดจากการเลี้ยงดู เรามาลองศึกษาเรื่องนี้กันดูว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นความจริงหรือไม่ อย่างไร
1. จริงหรือไม่ที่เราเกิดมาพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์
มีบางคนชอบพูดว่า “ก็ฉันไม่ได้เกิดมาพร้อมกันความคิดสร้างสรรค์นี่” คงเป็นคำพูดที่ไม่ถูกต้อง เพราะแท้จริงแล้วทุกคนเกิดมาพร้อมกับจิตวิญญาณที่สร้างสรรค์ หากเราย้อนคิดไปถึงช่วงวัยเด็ก เราเคยเล่นบทบาทสมมติ หรือแต่งเพลง แต่งกลอนโดยใส่คำแปลกๆ ใหม่ๆ ลงไปหรือไม่ หรือสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากแป้งปั้น ดินน้ำมัน ทราย หรือไม้บล็อก สร้างบ้านจากผ้าห่ม หมอนข้างหรือเก้าอี้ หากเราตอบว่าใช่ นั่นก็คือส่วนหนึ่งของความคิดสร้างสรรค์แล้ว เมื่อเรากำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้จะถูกฝังอยู่ในตัวเราและเตรียมพร้อมที่จะนำออกมาใช้ในคราวจำเป็น ให้เราลองย้อนกลับไปสู่วัยเด็กและทบทวนดูว่าเราได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างไรบ้าง เพื่อจะนำสิ่งเหล่านี้มาใช้กับปัจจุบันเพื่อสร้างสรรค์ความสุขให้กับชีวิตของเราเอง
2. จริงหรือไม่ ถ้าหากเราไม่ใช่ศิลปินเราไม่ได้เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์
มีความคิดสร้างสรรค์มากมายหลายแบบ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ทางด้านดนตรี ความคิดสร้างสรรค์ทางด้านศิลปะ เวลาพูดถึงความคิดสร้างสรรค์ คนส่วนใหญ่มักคิดถึงงานศิลปะหรือศิลปิน และเหมารวมไปว่าคนที่ไม่ได้เป็นศิลปิน หรือเก่งศิลปะจะเป็นพวกที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ แท้จริงแล้วเราทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกันทั้งสิ้น ตามแต่ความชอบหรือความถนัดของตัวเอง เป็นต้นว่า เราอาจจะไม่มีความสามารถในการวาดภาพ แต่เราอาจเป็นคนที่ทำอาหารเก่ง คิดเมนูแปลกใหม่ได้ หรือเอาอาหารที่เหลืออย่างละนิดละหน่อยมาปรุงเป็นมื้ออาหารที่แสนอร่อย เราอาจเป็นคนที่ตกแต่งบ้านได้สวย จัดดอกไม้ได้งดงาม อาจเป็นคนที่สามารถเอาวัสดุเหลือใช้มาประกอบเป็นของชิ้นใหม่ได้ หรือเราอาจเป็นคนที่เห็นช่องทางในการทำมาหากินโดยที่คนอื่นไม่เห็น หรือเราอาจเป็นคนที่ติดต่อสื่อสารกับสัตว์เลี้ยงได้ดี หรืออาจเป็นคนที่สอนคนอื่นให้เข้าใจอะไรได้ง่ายๆ เหล่านี้คือตัวอย่างของการเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ ให้เราค้นหาความคิดสร้างสรรค์ที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา โดยเขียนกิจกรรมต่างๆที่เราทำในแต่ละวัน ใช้เวลาในการศึกษากิจกรรมที่เราทำนั้นและค้นพบว่าอะไรบ้างเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ แล้วเราอาจจะค้นพบสิ่งสร้างสรรค์ต่างๆที่อยู่ในตัวเราเอง ที่เราอาจจะไม่เคยค้นพบมาก่อนก็ได้ ให้เรามาพัฒนาของดีที่อยู่ในตัวเราให้มีเพิ่มพูนกันดีกว่า
3. จริงหรือที่เราถูกสอนให้มีความคิดสร้างสรรค์แต่ในโรงเรียนเท่านั้น
คำตอบคือไม่จริง ระบบโรงเรียนจะสอนให้ทำงานเป็นทีมและสอนทักษะอื่นๆที่จำเป็นที่จะใช้ในอนาคต แต่น่าเสียดายที่ระบบโรงเรียนทำให้ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆน้อยลง การบังคับให้เด็กๆเชื่อฟังและอยู่แต่ในกรอบของกฎเกณฑ์นั้น จะทำให้พัฒนาการทางด้านความคิดสร้างสรรค์ของเด็กลดน้อยลง ยิ่งในระบบการศึกษาของไทยที่เน้นการท่องจำ ความมีระเบียบ ความสวยงาม จะวาดรูปหรือระบายสีต้องวาดอยู่ในกรอบถึงจะได้คะแนนดี ล้วนแล้วแต่บั่นทอนความคิดสร้างสรรค์ของเด็กทั้งสิ้น
คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง สถาบันครอบครัว และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับเด็ก ล้วนแล้วแต่มีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก นอกเหนือจากการมีความรู้ที่ดี มีวินัย รู้จักหน้าที่ของตนแล้ว การมีความคิดสร้างสรรค์ในทางที่ดีงามและเป็นประโยชน์ จะทำให้เด็กๆประสบความสำเร็จในชีวิตและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข ช่วยพัฒนาประเทศชาติให้เจริญไปในทางที่ดีได้ ให้เรามาพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในตัวเรากันเถอะ
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
1. จริงหรือไม่ที่เราเกิดมาพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์
มีบางคนชอบพูดว่า “ก็ฉันไม่ได้เกิดมาพร้อมกันความคิดสร้างสรรค์นี่” คงเป็นคำพูดที่ไม่ถูกต้อง เพราะแท้จริงแล้วทุกคนเกิดมาพร้อมกับจิตวิญญาณที่สร้างสรรค์ หากเราย้อนคิดไปถึงช่วงวัยเด็ก เราเคยเล่นบทบาทสมมติ หรือแต่งเพลง แต่งกลอนโดยใส่คำแปลกๆ ใหม่ๆ ลงไปหรือไม่ หรือสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากแป้งปั้น ดินน้ำมัน ทราย หรือไม้บล็อก สร้างบ้านจากผ้าห่ม หมอนข้างหรือเก้าอี้ หากเราตอบว่าใช่ นั่นก็คือส่วนหนึ่งของความคิดสร้างสรรค์แล้ว เมื่อเรากำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้จะถูกฝังอยู่ในตัวเราและเตรียมพร้อมที่จะนำออกมาใช้ในคราวจำเป็น ให้เราลองย้อนกลับไปสู่วัยเด็กและทบทวนดูว่าเราได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างไรบ้าง เพื่อจะนำสิ่งเหล่านี้มาใช้กับปัจจุบันเพื่อสร้างสรรค์ความสุขให้กับชีวิตของเราเอง
2. จริงหรือไม่ ถ้าหากเราไม่ใช่ศิลปินเราไม่ได้เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์
มีความคิดสร้างสรรค์มากมายหลายแบบ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ทางด้านดนตรี ความคิดสร้างสรรค์ทางด้านศิลปะ เวลาพูดถึงความคิดสร้างสรรค์ คนส่วนใหญ่มักคิดถึงงานศิลปะหรือศิลปิน และเหมารวมไปว่าคนที่ไม่ได้เป็นศิลปิน หรือเก่งศิลปะจะเป็นพวกที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ แท้จริงแล้วเราทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกันทั้งสิ้น ตามแต่ความชอบหรือความถนัดของตัวเอง เป็นต้นว่า เราอาจจะไม่มีความสามารถในการวาดภาพ แต่เราอาจเป็นคนที่ทำอาหารเก่ง คิดเมนูแปลกใหม่ได้ หรือเอาอาหารที่เหลืออย่างละนิดละหน่อยมาปรุงเป็นมื้ออาหารที่แสนอร่อย เราอาจเป็นคนที่ตกแต่งบ้านได้สวย จัดดอกไม้ได้งดงาม อาจเป็นคนที่สามารถเอาวัสดุเหลือใช้มาประกอบเป็นของชิ้นใหม่ได้ หรือเราอาจเป็นคนที่เห็นช่องทางในการทำมาหากินโดยที่คนอื่นไม่เห็น หรือเราอาจเป็นคนที่ติดต่อสื่อสารกับสัตว์เลี้ยงได้ดี หรืออาจเป็นคนที่สอนคนอื่นให้เข้าใจอะไรได้ง่ายๆ เหล่านี้คือตัวอย่างของการเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ ให้เราค้นหาความคิดสร้างสรรค์ที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา โดยเขียนกิจกรรมต่างๆที่เราทำในแต่ละวัน ใช้เวลาในการศึกษากิจกรรมที่เราทำนั้นและค้นพบว่าอะไรบ้างเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ แล้วเราอาจจะค้นพบสิ่งสร้างสรรค์ต่างๆที่อยู่ในตัวเราเอง ที่เราอาจจะไม่เคยค้นพบมาก่อนก็ได้ ให้เรามาพัฒนาของดีที่อยู่ในตัวเราให้มีเพิ่มพูนกันดีกว่า
3. จริงหรือที่เราถูกสอนให้มีความคิดสร้างสรรค์แต่ในโรงเรียนเท่านั้น
คำตอบคือไม่จริง ระบบโรงเรียนจะสอนให้ทำงานเป็นทีมและสอนทักษะอื่นๆที่จำเป็นที่จะใช้ในอนาคต แต่น่าเสียดายที่ระบบโรงเรียนทำให้ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆน้อยลง การบังคับให้เด็กๆเชื่อฟังและอยู่แต่ในกรอบของกฎเกณฑ์นั้น จะทำให้พัฒนาการทางด้านความคิดสร้างสรรค์ของเด็กลดน้อยลง ยิ่งในระบบการศึกษาของไทยที่เน้นการท่องจำ ความมีระเบียบ ความสวยงาม จะวาดรูปหรือระบายสีต้องวาดอยู่ในกรอบถึงจะได้คะแนนดี ล้วนแล้วแต่บั่นทอนความคิดสร้างสรรค์ของเด็กทั้งสิ้น
คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง สถาบันครอบครัว และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับเด็ก ล้วนแล้วแต่มีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก นอกเหนือจากการมีความรู้ที่ดี มีวินัย รู้จักหน้าที่ของตนแล้ว การมีความคิดสร้างสรรค์ในทางที่ดีงามและเป็นประโยชน์ จะทำให้เด็กๆประสบความสำเร็จในชีวิตและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข ช่วยพัฒนาประเทศชาติให้เจริญไปในทางที่ดีได้ ให้เรามาพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในตัวเรากันเถอะ
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
กำลังโหลดเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น