สพฐ. เตรียมทบทวนการใช้ O-Net จบช่วงชั้น เหตุเด็กยื่นฟ้องศาลปกครอง “กมล” เผยเข้าใจปัญหาและข้อกังวลของเด็ก เล็งค่อยๆขยับเพิ่ม 10% เป็น 40% จากเดิมที่ประกาศ ศธ.กำหนดให้ขยับกระโดดเป็น 50% ในปีการศึกษา 58 แจงอาจต้องปรับประกาศ ศธ. เรื่องใช้ O-Net จบช่วงชั้นใหม่ แต่การยกเลิกไม่สามารถทำได้
วันนี้ (16 ก.พ.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มนักเรียนเครือข่ายยุวทัศน์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ออกประกาศเรื่องการปรับสัดส่วนการใช้ผลแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-Net เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินผลการเรียนของผู้เรียนที่จบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 เนื่องจากข้อสอบไม่มีความเป็นกลาง สร้างความเหลื่อมล้ำ และสร้างความหนักใจให้แก่ผู้เรียน ว่า ตนเข้าใจถึงปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี และเตรียมที่หารือกับสำนักติดตามและประเมินผลทางการศึกษา ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อทบทวนประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการปรับสัดส่วนการใช้ผล O-Net อีกครั้ง ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยใช้อำนาจ รมว.ศึกษาธิการ ส่วนเรื่องข้อสอบที่ไม่มีความเป็นกลางนั้น เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ที่จะไปดำเนินการเรื่องการออกข้อสอบให้มีความเป็นกลางมากขึ้น
ทั้งนี้ ในปีการศึกษา 2557 จะเป็นปีแรกที่โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ต้องนำคะแนน O-Net มาใช้เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินผลการเรียนของนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มัธยมศึกษาปีที่ 3 และมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในสัดส่วน 30% ร่วมกับคะแนนผลการเรียนสะสมตลอดหลักสูตร หรือ จีแพกซ์ ในสัดส่วน 70% หรือสัดส่วน 70:30 ตามที่กำหนดไว้ในประกาศ ศธ. และในปีการศึกษา 2558 จะใช้คะแนน O-Net 50% ซึ่งในเรื่องนี้เด็กก็เกิดข้อขัดแย้ง และเห็นว่าเป็นการเพิ่มสัดส่วนที่มากเกินไป และอาจส่งผลให้เป็นภาระแก่ผู้เรียนได้ โดย สพฐ. เข้าใจถึงปัญหานี้ และพร้อมจะกลับไปพิจารณาใหม่ เพราะตามหลักการแล้วควรจะขยับคะแนน O-Net จาก 30% เป็น 40% ไล่ไปเรื่อยๆมากกว่าการก้าวกระโดดจาก 30% เป็น 50% ซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะ
“หากจะให้ยกเลิกประกาศการใช้คะแนนสอบ O-Net ในการตัดสินจบช่วงชั้นนั้นคงไม่สามารถทำได้ แต่หากมองตามหลักวิชาการแล้วเรื่องนี้สามารถพูดคุยทำความเข้าใจและปรับแก้ไขกันได้ เพราะการสอบ O-Net จะทำให้เรารู้มาตรฐานภาพรวมของประเทศว่าโรงเรียนแต่ละโรงมีผลสัมฤทธิ์สูงหรือต่ำ เพื่อที่ สพฐ. จะได้ปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนต่อไปได้” นายกมล กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่