“บิ๊กเต่า” สั่งสำรวจความต้องการใช้แรงงานต่างด้าว จ่อถกหน่วยงานเกี่ยวข้องวางแผนป้องกันลักลอบเข้าไทยตามแนวชายแดน พร้อมแก้เอ็มโอยูด้านแรงงานกับประเทศเพื่อนบ้านเน้นร่วมมือกันดูแลแรงงาน
วันนี้ (27 ม.ค.) พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ว่า ประเทศไทยจะต้องหาแนวทางแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานโดยจะต้องใช้แรงงานต่างด้าวตามความจำเป็น รวมทั้งสถานประกอบการต่างๆ ต้องปรับตัวโดยนำเครื่องจักรและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตแทนกำลังแรงงาน ซึ่งจะให้กรมการจัดหางาน (กกจ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจถึงความต้องการใช้แรงงานต่างด้าวของสถานประกอบการต่างๆ โดยแบ่งเป็น 3 ขนาด คือ สถานประกอบการขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่สถานประกอบการขนาดใหญ่และขนาดกลางมักจะไม่ใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เพราะเกรงผลกระทบต่อการส่งออกสินค้า ขณะที่สถานประกอบการขนาดเล็กจะมีปัญหาการใช้แรงงานต่าวด้าวผิดกฎหมายมากกว่า ซึ่งแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายจะต้องส่งกลับประเทศต้นทาง หากจะเข้ามาใหม่ก็ต้องเข้ามาโดยผ่านระบบเอ็มโอยู
“เชื่อว่า อนาคตจะมีแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ทั้งเมียร์มาร์ กัมพูชา และ ลาว เข้ามาทำงานในไทยลดลง เนื่องจากขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น จึงต้องการแรงงานจำนวนมากและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา ยังเตรียมปรับค่าจ่ายสูงขึ้นเพื่อจูงใจให้แรงงานทำงานอยู่ภายในประเทศ” รมว.แรงงาน กล่าว
พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานเตรียมแก้ไขข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างไทยกับพม่า กัมพูชาและลาว และเตรียมทำเอ็มโอยูกับประเทศเวียดนาม เพื่อนำเข้าแรงงานเวียดนามมาทำงานด้านก่อสร้างและประมง โดยมีการกำหนดจำนวนการนำเข้าแรงงานต่างด้าวที่ชัดเจน รวมทั้งร่วมมือกันดูแลแรงงานต่างด้าว เพื่อไม่สร้างภาระในการดูแลให้แก่ประเทศไทยมากเกินไป ไม่ให้นำเข้าแรงงานต่างด้าวมากเกินความจำเป็น ซึ่งเร็วๆ นี้ กระทรวงแรงงานจะเชิญหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาหารือถึงแนวทางการป้องกันการลักลอบเข้ามาในไทยของแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะบริเวณแนวชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะตรวจสอบเส้นทางการลักลอบเพื่อหาแนวทางป้องกันเรื่องนี้ โดยจะเป็นมาตรการส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหากาค้ามนุษย์ด้านแรงงาน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (27 ม.ค.) พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ว่า ประเทศไทยจะต้องหาแนวทางแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานโดยจะต้องใช้แรงงานต่างด้าวตามความจำเป็น รวมทั้งสถานประกอบการต่างๆ ต้องปรับตัวโดยนำเครื่องจักรและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตแทนกำลังแรงงาน ซึ่งจะให้กรมการจัดหางาน (กกจ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจถึงความต้องการใช้แรงงานต่างด้าวของสถานประกอบการต่างๆ โดยแบ่งเป็น 3 ขนาด คือ สถานประกอบการขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่สถานประกอบการขนาดใหญ่และขนาดกลางมักจะไม่ใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เพราะเกรงผลกระทบต่อการส่งออกสินค้า ขณะที่สถานประกอบการขนาดเล็กจะมีปัญหาการใช้แรงงานต่าวด้าวผิดกฎหมายมากกว่า ซึ่งแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายจะต้องส่งกลับประเทศต้นทาง หากจะเข้ามาใหม่ก็ต้องเข้ามาโดยผ่านระบบเอ็มโอยู
“เชื่อว่า อนาคตจะมีแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ทั้งเมียร์มาร์ กัมพูชา และ ลาว เข้ามาทำงานในไทยลดลง เนื่องจากขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น จึงต้องการแรงงานจำนวนมากและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา ยังเตรียมปรับค่าจ่ายสูงขึ้นเพื่อจูงใจให้แรงงานทำงานอยู่ภายในประเทศ” รมว.แรงงาน กล่าว
พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานเตรียมแก้ไขข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างไทยกับพม่า กัมพูชาและลาว และเตรียมทำเอ็มโอยูกับประเทศเวียดนาม เพื่อนำเข้าแรงงานเวียดนามมาทำงานด้านก่อสร้างและประมง โดยมีการกำหนดจำนวนการนำเข้าแรงงานต่างด้าวที่ชัดเจน รวมทั้งร่วมมือกันดูแลแรงงานต่างด้าว เพื่อไม่สร้างภาระในการดูแลให้แก่ประเทศไทยมากเกินไป ไม่ให้นำเข้าแรงงานต่างด้าวมากเกินความจำเป็น ซึ่งเร็วๆ นี้ กระทรวงแรงงานจะเชิญหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาหารือถึงแนวทางการป้องกันการลักลอบเข้ามาในไทยของแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะบริเวณแนวชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะตรวจสอบเส้นทางการลักลอบเพื่อหาแนวทางป้องกันเรื่องนี้ โดยจะเป็นมาตรการส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหากาค้ามนุษย์ด้านแรงงาน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่