การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมีไม่เว้นในแต่ละวันและนับวันอุบัติเหตุก็ยิ่งมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยพิจารณาจากสถิติของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนที่มีจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงของเทศกาลต่างๆที่ผู้คนต้องเดินทางสัญจรบนท้องถนน เช่น เทศกาลปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้ สรุปข้อมูลอุบัติเหตุสะสมประจำปี2556 พบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ 578,490 ราย เสียชีวิต 6,834 ราย รวมจำนวนผู้ได้รับผลร้ายทั้งสิ้น 585,324 ราย
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและสร้างความเสียหายต่างๆ นี้ ส่วนใหญ่สาเหตุมักเกิดจากตัวของผู้ขับขี่ยานพาหนะเองที่ทำตัวเหมือนเป็นปีศาจบนท้องถนน ในการเป็นผู้ทำลายล้างชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของทั้งตัวเองและของผู้อื่น ทั้งที่ทำโดยเจตนาและทำโดยประมาท โดยสาเหตุหลักที่ชี้ให้เห็นว่าอุบัติเหตุเกิดจากผู้ขับขี่ยานพาหนะ ได้แก่
1.มีความบกพร่องในด้านร่างกาย จิตใจและอารมณ์ เช่น มีร่างกายอ่อนเพลีย ง่วงนอน เมาสุรา หรือสารเสพติด มีปัญหาในด้านสายตา มีจิตใจและอารมณ์ที่หงุดหงิด ฉุนเฉียว มีอารมณ์คึกคะนอง ขาดความยับยั้งชั่งใจ
2.ขาดความระมัดระวัง ขับขี่ยานพาหนะอย่างเร่งรีบโดยไม่สนใจความปลอดภัย ซึ่งเป็นการกระทำที่ประมาทส่งผลให้
เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
3.ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร เช่น ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ฝ่าฝืนกฎจราจร ไม่แสดงสัญญาณไฟเลี้ยว ขับรถย้อนศร ขับรถเร็วเกินอัตรา ขับจี้รถคันหน้าหรือเข้าตัดหน้ารถคันอื่นในระยะกระชั้นชิด
คงไม่มีผู้ขับขี่ยานพาหนะคนไหนอยากให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นแน่ นั่นเพราะมันทำให้เกิดการสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง รถยนต์เสียหาย เสียเวลา อีกทั้งอาจเกิดการบาดเจ็บหรือหนักหนาถึงขั้นเสียชีวิต บางคนจึงขับขี่รถราด้วยความระมัดระวังเพื่อจะให้การเดินทางราบรื่น เรียบร้อยและปลอดภัย แต่ในทางกลับกัน บางคนกลัวไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุ แต่กลับเป็นคนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเสียเองด้วยการขับขี่ยานพาหนะเหมือนเป็นปีศาจบนท้องถนน ลองมาดูสิว่าพฤติกรรมอย่างไรบ้างที่แสดงให้เห็นว่าเราเป็นผู้ขับขี่ประเภทนี้ เพื่อจะได้เตือนใจไม่ให้ทำเช่นนี้อีกต่อไป
1.ขับขี่ยานพาหนะด้วยความเร็วสูง โดยทั่วไปแล้วตามถนนสายต่างๆ ทั้งทางปกติ ทางพิเศษ โทลล์เวย์ มอเตอร์เวย์ มักจะมีป้ายแสดงอัตราความเร็วในการขับขี่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นระยะ เพื่อให้ผู้ขับขี่ไม่ใช้ความเร็วมากจนเกินไปจนอาจเป็นอันตราย แต่ผู้ขับขี่บางคนก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้แต่อย่างใด เราจึงพบเห็นอยู่เสมอว่าบางคนนั้นขับขี่ด้วยความเร็วสูงมาก เช่น 180 - 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งการขับขี่ด้วยความเร็วสูงมากๆเช่นนี้ ทำให้เมื่อเกิดเหตุใดๆขึ้นมากะทันหัน จะทำให้ตัดสินใจในการแก้ปัญหาไม่ทันการณ์ จึงทำให้ก่อเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงบนท้องถนนขึ้นได้เสมอ และความสูญเสียกรณีนี้มักรุนแรงมากด้วย
2.เสพสารเสพติด ทั้งการดื่มสุรา การใช้สารกระตุ้นประสาท การใช้สารเสพติดชนิดต่างๆ จะทำให้ผู้ขับขี่เกิดอาการมึนเมา เบลอ ขาดสติและบางกรณีมีความคึกคะนองจนขาดความยับยั้งชั่งใจ การขับขี่ยานพาหนะในภาวะที่ร่างกายอยู่ในสภาพเช่นนี้จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ง่ายมากเพราะความไม่รู้สึกตัวนั่นเอง ทั้งที่ในการขับขี่ยานพาหนะนั้น ผู้ขับขี่ต้องมีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลาที่ควบคุมยานพาหนะ และแม้จะมีการรณรงค์กันอย่างมากมายว่าเมาไม่ขับ แต่กลับไม่เป็นผลเลย เพราะความไร้ความรับผิดชอบของผู้ขับขี่ที่ไม่ยอมรับสภาพความไม่พร้อมของตนเอง จึงเกิดอุบัติเหตุมากมายด้วยสาเหตุนี้อยู่ทุกวี่วันโดยเฉพาะช่วงเทศกาลหรือช่วงเวลากลางคืน
3.ขับขี่ด้วยความประมาท เช่น ใช้โทรศัพท์มือถือพิมพ์ข้อความสื่อสารขณะขับขี่หรือใช้มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์พูดคุยแทนที่จะใช้สายเสียบหูฟัง ขับรถปาดหน้าหรือแซงอย่างกระชั้นชิด การขับรถคร่อมเลน ไม่แสดงสัญญาณไฟเลี้ยว ขับรถย้อนศร รวมถึงการไม่ป้องกันตนเองขณะขับขี่ เช่น ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่สวมหมวกกันน็อก พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายทั้งสิ้น
ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่สมัยวัยรุ่นด้วยความเป็นคนใจร้อนจึงขับรถเร็วมาก ถึงขั้นที่เรียกว่า “ซิ่ง” มาก่อน จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่รถยนต์ขึ้นหลายครั้ง ทั้งขับรถไปชนรถคันอื่นหรือถูกรถคันอื่นขับชน ทั้งประสบเหตุรถยนต์เสียหายและมีคนได้รับบาดเจ็บ และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ถือว่าร้ายแรงมากที่สุดคือขับรถแซงรถเมล์ในระยะกระชั้นชิดโดยที่ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว ทำให้ถูกรถเมล์ชน ตอนนั้นผู้เขียนเป็นคนขับรถเองและมีคุณแม่นั่งอยู่ตรงเบาะด้านหน้าข้างคนขับ ผลที่เกิดจากอุบัติเหตุครั้งนี้คือแม้ตัวผู้เขียนจะปลอดภัยดี แต่คุณแม่นั้นซี่โครงหักต้องนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 2 อาทิตย์ แม้ว่าหลังจากนั้นคุณแม่จะหายเป็นปกติดีแล้วก็ตาม แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหมือน “ตราบาป” ที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกผิดอยู่ในใจตลอดมาว่าเพราะความใจร้อนและคึกคะนองของเราทำให้คุณแม่ต้องเจ็บตัวอย่างมาก ทำให้รถตัวเองเสียหายยับเยิน ทำให้คนขับรถเมล์ต้องเดือดร้อน ทำให้คนโดยสารรถเมล์และผู้ใช้ถนนสายนั้นต้องเสียเวลา
ดังนี้ เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน ผู้ขับขี่ยานพาหนะจึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและใช้รถใช้ถนนด้วยความมีสติและด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ เพื่อที่ตัวของคุณจะไม่กลายเป็นปีศาจบนท้องถนนที่ทำลายชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินและเวลาของทั้งตัวคุณเอง คนที่คุณรักและเพื่อนร่วมถนนทุกคน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
กำลังโหลดเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น