เด็กไทยตายเพราะโรคท้องร่วงมากถึงปีละ 3.5 ล้านคน กรมอนามัยชี้มือไม่สะอาดเป็นตัวนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ระบุคนจื่นตัวล้างมือเพิ่มมากขึ้น แต่ยังล้างผิดวิธี แนะ 7 ขั้นตอนการล้างมือที่ถูกต้อง ป้องกันเชื้อโรค ลดเสียชีวิตได้
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า มือเป็นอวัยวะสำคัญที่นำเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ผ่านทางปาก จมูก และผิวหนัง นำไปสู่โรคติดต่อทางเดินอาหารหลายโรค โดยเฉพาะกลุ่มเด็กนักเรียน โดยข้อมูลจากองค์การยูนิเซฟพบว่า ในแต่ละปีมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เสียชีวิตจากโรคท้องร่วงถึง 3.5 ล้านคน และจากโรคปอดบวม 2 ล้านคน ซึ่งการล้างมืออย่างถูกวิธีจะสามารถลดการเสียชีวิตจากโรคท้องร่วงได้ถึง ร้อยละ 50 และโรคปอดบวม ร้อยละ 25 ทั้งนี้ วันที่ 15 ต.ค. ของทุกปี สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติกำหนดให้เป็นวันล้างมือโลก เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทั่วโลกล้างมือด้วยอย่างถูกวิธี ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
นพ.พรเทพ กล่าวว่า หลังการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญและใส่ใจเรื่องของการล้างมือมากขึ้นถึงร้อยละ 89 แต่ประชาชนบางส่วนยังล้างมือไม่ถูกต้องคือ ล้างด้วยน้ำเปล่าร้อยละ 41 ซึ่งการล้างมือให้สะอาดและถูกต้องควรปฏิบัติตามหลัก 7 ท่า 2 ก่อน 5 หลัง คือ ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ครบ 7 ท่า ได้แก่ 1) ฝ่ามือถูกัน 2) ฝ่ามือถูหลังมือและนิ้วถูซอกนิ้ว 3) ฝ่ามือถูฝ่ามือและนิ้วถูซอกนิ้ว 4) หลังนิ้วมือถูฝ่ามือ 5) ถูนิ้วหัวแม่มือโดยรอบด้วยฝ่ามือ 6) ปลายนิ้วมือถูขวางฝ่ามือ และ 7) ถูรอบข้อมือ ส่วนการ ล้างมือ 2 ก่อน คือ ก่อนเตรียมปรุงอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร และล้างมือ 5 หลัง คือ หลังเข้าห้องน้ำ หลังหยิบจับสิ่งปกปรก หลังเยี่ยมผู้ป่วยในสถานพยาบาล หลังสัมผัสหรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง และหลังกลับจากนอกบ้าน เช่น กลับจากโรงเรียนหรือที่ทำงาน
“ในกรณีที่ไม่สะดวกล้างมือด้วยสบู่สามารถใช้เจลล้างมือ ซึ่งหาซื้อได้ง่ายและพกติดตัวได้ตลอดเวลา ซึ่งการ ให้ความสำคัญกับการล้างมือที่ถูกวิธี ไม่ใช่เฉพาะช่วงที่มีการระบาดของโรคต่างๆ เท่านั้น แต่ควรทำจนติดเป็นนิสัย เพราะการล้างมือด้วยน้ำและสบู่อย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ อาทิ โรคปอดบวม โรคท้องร่วง โรคอาหารเป็นพิษ และโรคพยาธิ เป็นต้น สำหรับในปี 2557 กรมอนามัยได้รับความร่วมมือจากสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และศูนย์อนามัยทุกแห่ง ร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์ล้างมือพร้อมกันทั่วประเทศในสถานที่ต่างๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ศูนย์อนามัย ศูนย์เด็กเล็ก และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า มือเป็นอวัยวะสำคัญที่นำเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ผ่านทางปาก จมูก และผิวหนัง นำไปสู่โรคติดต่อทางเดินอาหารหลายโรค โดยเฉพาะกลุ่มเด็กนักเรียน โดยข้อมูลจากองค์การยูนิเซฟพบว่า ในแต่ละปีมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เสียชีวิตจากโรคท้องร่วงถึง 3.5 ล้านคน และจากโรคปอดบวม 2 ล้านคน ซึ่งการล้างมืออย่างถูกวิธีจะสามารถลดการเสียชีวิตจากโรคท้องร่วงได้ถึง ร้อยละ 50 และโรคปอดบวม ร้อยละ 25 ทั้งนี้ วันที่ 15 ต.ค. ของทุกปี สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติกำหนดให้เป็นวันล้างมือโลก เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทั่วโลกล้างมือด้วยอย่างถูกวิธี ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
นพ.พรเทพ กล่าวว่า หลังการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญและใส่ใจเรื่องของการล้างมือมากขึ้นถึงร้อยละ 89 แต่ประชาชนบางส่วนยังล้างมือไม่ถูกต้องคือ ล้างด้วยน้ำเปล่าร้อยละ 41 ซึ่งการล้างมือให้สะอาดและถูกต้องควรปฏิบัติตามหลัก 7 ท่า 2 ก่อน 5 หลัง คือ ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ครบ 7 ท่า ได้แก่ 1) ฝ่ามือถูกัน 2) ฝ่ามือถูหลังมือและนิ้วถูซอกนิ้ว 3) ฝ่ามือถูฝ่ามือและนิ้วถูซอกนิ้ว 4) หลังนิ้วมือถูฝ่ามือ 5) ถูนิ้วหัวแม่มือโดยรอบด้วยฝ่ามือ 6) ปลายนิ้วมือถูขวางฝ่ามือ และ 7) ถูรอบข้อมือ ส่วนการ ล้างมือ 2 ก่อน คือ ก่อนเตรียมปรุงอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร และล้างมือ 5 หลัง คือ หลังเข้าห้องน้ำ หลังหยิบจับสิ่งปกปรก หลังเยี่ยมผู้ป่วยในสถานพยาบาล หลังสัมผัสหรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง และหลังกลับจากนอกบ้าน เช่น กลับจากโรงเรียนหรือที่ทำงาน
“ในกรณีที่ไม่สะดวกล้างมือด้วยสบู่สามารถใช้เจลล้างมือ ซึ่งหาซื้อได้ง่ายและพกติดตัวได้ตลอดเวลา ซึ่งการ ให้ความสำคัญกับการล้างมือที่ถูกวิธี ไม่ใช่เฉพาะช่วงที่มีการระบาดของโรคต่างๆ เท่านั้น แต่ควรทำจนติดเป็นนิสัย เพราะการล้างมือด้วยน้ำและสบู่อย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ อาทิ โรคปอดบวม โรคท้องร่วง โรคอาหารเป็นพิษ และโรคพยาธิ เป็นต้น สำหรับในปี 2557 กรมอนามัยได้รับความร่วมมือจากสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และศูนย์อนามัยทุกแห่ง ร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์ล้างมือพร้อมกันทั่วประเทศในสถานที่ต่างๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ศูนย์อนามัย ศูนย์เด็กเล็ก และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่