อธิการบดีสวนนันฯ ตั้งกก.สอบวินัย นศ.รุ่นพี่ 40 คนที่หยดน้ำตาเทียนบนแขนรุ่นน้องรู้ผลภายใน 5 วัน คาดมีโทษภาคทัณฑ์บน แจง นศ.รุ่นพี่ไม่ได้เจตนาทำรุนแรงกับน้อง แค่จัดกิจกรรมบายศรีแต่รับพลั้งเผลอแกล้งรุ่นน้องเกินเขต เผย นศ.รุ่นพี่ขอโทษรุ่นน้องและพ่อแม่ต่อเหตุที่เกิดแล้ว พร้อมเผย ตัวนศ.หญิงปี 1 อยากเรียนตอน รับปากดูแลทุกด้านและ วอนสังคม พ่อแม่ผู้ปกครองให้อภัย นศ.รุ่นพี่ ขณะที่ รุ่นพี่ที่ร่วมหยดน้ำตาเทียน ยอมรับทำด้วยความคึกคะนองไม่ได้ตั้งใจจะก่อให้เกิดเหตุบานปลาย
วันนี้ (30 ก.ย.) รศ.ดร.ฤาเดช เกิดวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา (มร.สส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีนักศึกษารุ่นพี่ชั้นปีที่ 2 คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สาขาเทคโนโลยีการพิมพ์ ใช้น้ำตาเทียนหยดแขน รุ่นน้องในกิจกรรมรับน้อง ว่า ในกิจกรรมดังกล่าวมีนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เข้าร่วมจำนวน 32 คน โดยมีรุ่นพี่ชั้นปีที่ 2 ซึ่งเป็นร่วมในพิธีรับน้องดังกล่าวประมาณ 40 กว่าคน โดยวานนี้ (29 ก.ย.) ตนได้เชิญนักศึกษาหญิงที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ปครองมาพูดคุย รวมทั้งเรียกรุ่นพี่ทั้งหมดมาสอบสวนข้อเท็จจริงซึ่งทุกคนยอมรับว่าได้หยดน้ำตาเทียนบนแขนของรุ่นน้องจริง พร้อมทั้งยอมรับผิดในสิ่งที่กระทำแต่ทุกคนยืนยันไม่ได้เจตนาจะก่อให้เกิดเหตุรุนแรง และไม่มีเจตนากลั่นแกล้งรุ่นน้อง โดยเมื่อวานนี้รุ่นพี่ทุกคนก็ได้ขอโทษนักศึกษาหญิงคนดังกล่าวและขอโทษพ่อแม่ผู้ปกครองแล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของมหาวิทยาลัยนั้นได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยรุ่นพี่ทั้ง 40 กว่าคนแล้ว ซึ่งจะใช้เวลาสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 5 วันและพิจารณาลงโทษตามระเบียบของมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม โทษสูงสุดในกรณี คือ การภาคทัณฑ์บนนักศึกษารุ่นพี่กลุ่มนี้คงไม่ต้องถึงโทษพักการเรียนหรือไล่ออกจากมหาวิทยาลัย
“จากการพูดคุยกับนักศึกษารุ่นพี่ เห็นได้ว่าทุกคนมีเจตนาดีอยากจัดกิจกรรมบายศรีสู่ขวัญให้แก่รุ่นน้อง เพราะเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ส่วนที่ว่าจะมีการหยดเทียนลงบนสายสิญจน์ให้รุ่นน้องหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ แต่ทางรุ่นพี่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาหรือต้องการทำร้ายรุ่นน้องและไม่ได้มีการวางแผนจะหยดน้ำตาเทียนใส่รุ่นน้อง ตั้งใจเพียงจะแกล้งรุ่นน้องเล่น ๆ แต่ยอมรับว่าแกล้งรุนแรงเกินความเหตุจนทำให้รุ่นน้องเจ็บตัว ซึ่งพวกเขาทุกคนก็สำนึกผิดและรับปากว่าจะไม่เล่นอะไรแบบนี้อีก ซึ่งในการพูดคุยเมื่อวานนี้ผู้ปกครองนักศึกษาคนดังกล่าว เรียกร้องให้ไล่ออกนักศึกษารุ่นพี่ทั้ง 40 กว่าคน หรือขอประวัติ รายชื่อของนักศึกษารุ่นพี่ทุกคนไว้ เพื่อเป็นข้อมูลและเพื่อมั่นใจว่าลูกของตนจะเรียนต่อที่นี่ต่อไปไม่ไม่มีปัญหาซึ่งผมได้ชี้แจงว่า ตามอำนาจหน้าที่มหาวิทยาลัย และนักศึกษาที่กระทำผิดยังเป็นเยาวชน อาจจะเข้าข่ายการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทางมหาวิทยาลัยจึงไม่สามารถกระทำตามที่พ่อแม่ผู้ปกครองร้องขอได้ ในส่วนของนักศึกษาหญิงที่ได้รับผลกระทบผมก็ได้สอบถามความเห็นซึ่งนักศึกษาบอกว่าอยากจะเรียนต่อที่นี่เหมือนเดิม ซึ่งก็ได้ยืนยันว่ามหาวิทยาลัยจะดูแลทุกเรื่องอย่างดี ตั้งแต่การรักษาพยาบาล การการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยและจะทำความเข้าใจ ขอความร่วมมือกับรุ่นพี่ทุกคน ซึ่งรุ่นพี่ทุกคนก็รับปากว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือกระทำไม่ดีกับรุ่นน้องอีก” รศ.ดร.ฤาเดช กล่าว
อธิการบดีมร.สส.กล่าวต่อว่า มหาวิทยาลัยต้องขอโทษสังคม โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนที่ทำให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งมหาวิทยาลัยจะรับผิดชอบในทุกๆ เรื่อง และพร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาแก่นักศึกษาที่ถูกกระทำ แต่ก็อยากขอโอกาสให้แก่นักศึกษารุ่นพี่ด้วย เพราะพวกเขาไม่ได้เจตนา นักศึกษาทุกคนของมร.สส.เป็นเสมือนลูกหลาน พี่น้องกัน ผิดก็ว่ากันไปตามผิด แต่ถ้านักศึกษายอมรับผิด ขอโทษก็ควรให้โอกาส ให้อภัยแก่นักศึกษาที่กระทำผิดด้วยเช่นกัน
นักศึกษารุ่นพี่ หนึ่งในผู้จัดกิจกรรมรับน้องกล่าว ว่าตนเป็นคนหนึ่งที่หยดน้ำตาเทียนลงบนสายสิญจน์ของรุ่นน้อง ซึ่งการหยดน้ำตาเทียนนั้นไม่ได้เป็นประเพณีที่ทำทุกปี ปกติจะมีแค่ผูกสายสิญจน์เท่านั้น แต่ตอนนั้นทำไปด้วยความคึกคะนอง เพราะขณะนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งพลาดทำน้ำตาเทียนหยดใส่สายสิญจน์รุ่นน้อง รุ่นพี่คนอื่นๆ ก็เลยถามรุ่นน้องว่าหยดได้หรือไม่ ซึ่งรุ่นน้องทุกคน รวมถึงน้องคนที่เป็นข่าวก็เต็มใจให้หยด สามารถหยดได้ ก็เลยหยดกัน แต่พอวันรุ่งขึ้น รุ่นพี่ทุกคนก็ได้เข้าไปสอบถามรุ่นน้องว่ามีแผล หรือมีอาการอะไรจากน้ำตาเทียนหรือไม่ รวมถึงได้หายามาทาให้น้องๆ ส่วนน้องคนที่เป็นข่าวนั้นในวันเกิดเหตุไม่ได้มีแผลเยอะอย่างในรูป แต่จากการสอบถามพบว่าน้องคนดังกล่าวเมื่อมีแผลก็ไปแกะแผล และไปเที่ยวทะเลจึงอาจจะทำให้แผลมีอาการผุผองได้ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้รุ่นน้องไม่ผิดแต่เป็นความผิดของพวกเราเองที่ทำโดยไม่คิด ไตร่ตรองให้ดี จนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
“หากย้อนเวลากลับไปได้ พวกเราทุกคนก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และหลังจากหยดน้ำตาเทียนใส่สายสิญจน์ทุกคนก็รู้สึกผิดอยู่แล้ว ยิ่งมีเหตุการณ์บานปลายแบบนี้พวกเราก็ขอรับผิดทุกอย่าง ไม่แก้ตัวอะไร เพราะเป็นความคึกคะน้องของพวกเราจริงๆ จึงอยากขอโทษสังคม อยากให้สังคมอภัยพวกเราทุกคน พวกเราไม่ได้ตั้งใจทำร้ายรุ่นน้อง และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวว่าพวกเราศึกษาอยู่ในสถาบันไหน ไม่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย เป็นความคิด การกระทำด้วยความไม่คิดของพวกเราเอง”นศ.รุ่นพี่ ปี 2 หนึ่งในผู้จัดกิจกรรมรับน้องกล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่