xs
xsm
sm
md
lg

อุทาหรณ์! อยากสวยแบ๊วด้วย "บิ๊กอายส์" ทำสาว 26 ปีตาบอด เหตุใส่ข้ามวันข้ามคืน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อุทาหรณ์สาววัย 26 ปี สังเวยตาบอดให้บิ๊กอายส์ หลังพบชอบใส่ข้ามวันข้ามคืน สุดท้ายตาอักเสบติดเชื้อ ด้านหมอตาเผยยังไม่พ้นวิกฤตเร่งฆ่าเชื้อก่อนลามทะลุลูกตาจนต้องควักดวงตาออก และติดเชื้อในกระแสเลือด จนถึงแก่ชีวิตได้

นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา มีคนไข้หญิง อายุ 26 ปี เข้ามารับการรักษาที่ รพ.พระนั่งเกล้า ด้วยอาการปวดตาอย่างรุนแรงจนต้องหลับตาตลอดเวลา เนื่องจากการใส่บิ๊กอายส์แฟชั่น ทั้งนี้ จากการตรวจสอบอาการพบว่า ตาขวามีลักษณะบวมช้ำและแดงกล่ำ มีขี้ตาสีเขียวปนขาวออกมาตลอด โดยเยื่อบุตาขาวมีอาการบวม กระจกตาดำมีรอยแผลเป็นจุดสีขาวประมาณ 5 มิลลิเมตร ตรงกลางตาดำพอดี แม้จะยังเห็นแก้วตาดำบางส่วนแต่ก็มีลักษณะขุ่น ทั้งยังมองเห็นช่องหน้าม่านตามีหนองอยู่ประมาณ 1 ใน 5 ของตาดำนอนก้นอยู่

"ชัดเจนว่าอาการเหล่านี้คือการเกิดแผลที่กระจกตาดำและช่องม่านตา ร่วมกับการอักเสบของลูกตา โดยจากการวินิจฉัยเบื้องต้นร้อยละ 90 น่าจะเป็นการติดเชื้อซูโดโมแนสออโรจิโนซา ซึ่งเป็นเชื้อที่ดื้อต่อยาง่าย และเป็นเชื้อที่สามารถอยู่ในทุกส่วนของร่างกาย มักพบตามที่ชื้นโคนตม สามารถอยู่ในร่างกายของมนุษย์ได้ที่อุณหภูมิ 37องศาเซลเซียส โดยเชื้อดังกล่าวจะชอบอยู่ในขี้มูก ขี้ตา ขี้หู รักแร้ และขาหนีบ ซึ่งพร้อมโจมตีร่างกายถ้ามีแผล และยิ่งเป็นเนื้อเยื่ออ่อนแก้วตาดำก็จะยิ่งเข้าได้ง่าย ทั้งนี้ในกรณีที่เกิดขึ้นนั้น เริ่มจากพบขนาดแผลเพียงปลายเข็ม แต่เมื่อปล่อยทิ้งไว้เพียง 24 ชั่วโมงเชื้อก็สามารถกินทะลุเข้าไปในดวงตาถึง 5 มิลลิเมตรแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการเพาะเชื้ออีกครั้งว่าจะใช่เชื้อดังกล่าวจริงหรือไม่" จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า กล่าว

นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวว่า ตามหลักการถือว่าขณะนี้ดวงตาด้านขวาของคนไข้บอดแล้ว แต่ต้องรีบฆ่าเชื้อให้เร็วที่สุด เพื่อรักษาลูกตาไม่ให้ต้องควักออก โดยการรักษาต้องให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับฉีดยาเข้าเส้นเพื่อป้องกันลูกตาเน่า และทำการหยอดยาทุก 1 ชั่วโมง รวมถึงฉีดยาแก้อักเสบใต้เยื่อบุตาขาว ซึ่งฉีดไปแล้วคนไข้มีอาการปวดระบม ทั้งนี้ คิดว่ายาน่าจะจัดการเชื้ออยู่ เพราะได้ให้ยาแรงที่สุด มิเช่นนั้นถ้าเชื้อรุนแรงมากและดื้อยาอาจกินทะลุเข้าไปในดวงตาได้ รวมถึงอาจเข้าสู่กระแสเลือดจนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต

นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้พบว่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ กำลังระบาด ดังนั้น ประชาชนจำเป็นต้องรักษาความสะอาด อาบน้ำทุกครั้งเมื่อกลับจากการทำงาน โดยเฉพาะซอกขาหนีบและจุดอับ เพื่อช่วยลดการติดเชื้อในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์สายตา หรือบิ๊กอายส์ เมื่อกลับถึงบ้านควรถอดออกและล้างให้สะอาด รวมถึงทำความสะอาดกล่องใส่คอนแทคเลนส์ด้วยน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อโรคด้วย ที่สำคัญควรถอดออกทุกครั้งก่อนนอน ถ้าจำเป็นให้ใส่แว่นตาแทนเพื่อให้ดวงตาพักผ่อน ทั้งนี้การใส่บิ๊กอายส์นั้นถ้าไม่จำเป็นก็อย่าใส่จะดีกว่า

ด้านนายจเร ยอดเสนีย์ อายุ 33 ปี แฟนของเหยื่อบิ๊กอายส์ กล่าวว่า แฟนเป็นคนที่ชอบใส่บิ๊กอายส์เป็นประจำ โดยไปซื้อมาจากห้างย่านเรวดีราคา 180 บาท มีน้ำยาและตลับให้พร้อม โดยแฟนมักใส่บิ๊กอายส์ข้ามวันเป็นประจำ และบางครั้งก็มีอาการตาแห้งบิ๊กอายส์ติดหนังตา ซึ่งตนก็เตือนตลอดว่าไม่ให้ใส่ข้ามวัน แต่แฟนมักไม่ฟัง จนวันที่ 30 ก.ค. แฟนได้ไปหาหมอที่ รพ.นพรัตน์ราชธานี ด้วยอาการเคืองตาเหมือนคนเป็นโรคตาแดง ซึ่งผลตรวจหมอระบุว่าเป็นเยื่อบุตาอักเสบจึงให้ยาแก้อักเสบ ยาหยอดตา และยาป้ายตามา แต่แฟนก็ไม่ได้กินตามหมอสั่ง และเมื่อมีอาการระคายเคืองที่ดวงตาก็ยังใช้มือขยี้ตา จนตาอักเสบและตนสังเกตเห็นว่าที่ดวงตาของแฟนมีด่างขาวในดวงตาดำ สุดท้ายมีอาการปวดเบ้าตารุนแรง เมื่อวันที่ 31 ก.ค. จึงพามาพบแพทย์ที่ รพ.พระนั่งเกล้าทันที

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่





กำลังโหลดความคิดเห็น