นักโภชนาการชี้ เพิ่มงบค่าอาหารกลางวันศูนย์เด็กเล็ก แต่ยังขาดคุณภาพ เหตุผู้จัดอาหารเน้นเพิ่มเนื้อสัตว์ ข้าว ไม่เพิ่มผัก ผลไม้ ทำอาหารไม่ครบ 5 หมู่เช่นเดิม เผยบางแห่งยังไม่ได้รับงบประมาณ จี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหา พร้อมเพิ่มทักษะการจัดอาหารให้มีคุณภาพ
นายสง่า ดามาพงศ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากการติดตามภายหลังรัฐบาลเพิ่มงบประมาณโครงการอาหารกลางวันศูนย์เด็กเล็ก จาก 13 บาท เป็น 20 บาท พบว่า ยังมีปัญหา คือ ศูนย์เด็กเล็กจำนวนหนึ่งยังได้รับงบประมาณไม่ครบตามที่รัฐบาลอนุมัติ และโรงเรียนที่ได้รับงบประมาณไป ยังไม่สามารถจัดอาหารให้มีคุณภาพได้ โดยพบว่าบางโรงเรียนนำงบไปเพิ่มในส่วนเนื้อสัตว์ และข้าว แต่อาหารยังไม่ครบ 5 หมู่เหมือนเดิม เพราะขาด ผัก ผลไม้ และอาหารเช้า เป็นต้น
นายสง่า กล่าวอีกว่า สำหรับกระบวนการบริหารงาน พบว่า หลายโรงเรียนมีความกังวลในวิธีการใช้งบประมาณ เมื่องบประมาณเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งทำให้ต้องเลือกเจ้าที่มีราคาต่ำแทนใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์กับเด็กแทน นอกจากนี้ ยังพบว่าสุขาภิบาลในห้องครัว และ สุขอนามัยของผู้ทำอาหารบางแห่งยังไม่ดีเพียงพอ จากปัญหาทั้งหมดที่พบ จึงอยากเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมแก้ปัญหา เร่งรัดงบประมาณให้ทั่วถึงแก่ศูนย์เด็กเล็กโดยเร็ว และต้องให้ความสำคัญในเรื่องทักษะ ความรู้ ของผู้ที่จะเข้ามารับผิดชอบเรื่องอาหารสำหรับเด็ก โดยต้องได้รับการอบรมจากหน่วยงาน เช่น กรมอนามัย
“ปัจจุบันมีการสร้างโปรแกรมเพื่อให้โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็กใช้ในการวางแผนการทำอาหารให้ครบ 5 หมู่ ซึ่งปัจจุบันมีเพียงบางส่วนที่ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปดังกล่าว หากส่งเสริมให้บุคลากรใช้โปรแกรมเป็น ก็จะสามารถวางแผนได้อย่างละเอียดว่าต้องซื้ออะไร เท่าไร ควรทำเมนูอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญ เพราะโภชนาการที่ดีหมายถึงต้นทุนคุณภาพชีวิตของเด็กด้วย” นายสง่า กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นายสง่า ดามาพงศ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากการติดตามภายหลังรัฐบาลเพิ่มงบประมาณโครงการอาหารกลางวันศูนย์เด็กเล็ก จาก 13 บาท เป็น 20 บาท พบว่า ยังมีปัญหา คือ ศูนย์เด็กเล็กจำนวนหนึ่งยังได้รับงบประมาณไม่ครบตามที่รัฐบาลอนุมัติ และโรงเรียนที่ได้รับงบประมาณไป ยังไม่สามารถจัดอาหารให้มีคุณภาพได้ โดยพบว่าบางโรงเรียนนำงบไปเพิ่มในส่วนเนื้อสัตว์ และข้าว แต่อาหารยังไม่ครบ 5 หมู่เหมือนเดิม เพราะขาด ผัก ผลไม้ และอาหารเช้า เป็นต้น
นายสง่า กล่าวอีกว่า สำหรับกระบวนการบริหารงาน พบว่า หลายโรงเรียนมีความกังวลในวิธีการใช้งบประมาณ เมื่องบประมาณเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งทำให้ต้องเลือกเจ้าที่มีราคาต่ำแทนใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์กับเด็กแทน นอกจากนี้ ยังพบว่าสุขาภิบาลในห้องครัว และ สุขอนามัยของผู้ทำอาหารบางแห่งยังไม่ดีเพียงพอ จากปัญหาทั้งหมดที่พบ จึงอยากเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมแก้ปัญหา เร่งรัดงบประมาณให้ทั่วถึงแก่ศูนย์เด็กเล็กโดยเร็ว และต้องให้ความสำคัญในเรื่องทักษะ ความรู้ ของผู้ที่จะเข้ามารับผิดชอบเรื่องอาหารสำหรับเด็ก โดยต้องได้รับการอบรมจากหน่วยงาน เช่น กรมอนามัย
“ปัจจุบันมีการสร้างโปรแกรมเพื่อให้โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็กใช้ในการวางแผนการทำอาหารให้ครบ 5 หมู่ ซึ่งปัจจุบันมีเพียงบางส่วนที่ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปดังกล่าว หากส่งเสริมให้บุคลากรใช้โปรแกรมเป็น ก็จะสามารถวางแผนได้อย่างละเอียดว่าต้องซื้ออะไร เท่าไร ควรทำเมนูอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญ เพราะโภชนาการที่ดีหมายถึงต้นทุนคุณภาพชีวิตของเด็กด้วย” นายสง่า กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
