“นพรัตน์” เตรียมเสนอข้อร้องเรียนผู้เช่าเดิมย่านประตูน้ำให้ พศป. พิจารณา 15 ก.ค. ย้ำจะไม่เซ็นสัญญากับผู้ปรับปรุงรายใหม่จนกว่าทำตามเงื่อนไข
วันนี้ (9 ก.ค.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.พศ. แถลงข่าวกรณีสรุปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาที่ดินศาสนสมบัติกลางเฉลิมโลก ฝั่งเหนือ ย่านประตูน้ำ ว่า ที่ดินศาสนสมบัติกลางเฉลิมโลก โฉนดที่ดินเลขที่ 1474 เลขที่ดิน 129 ซึ่งมีปัญหาข้อพิพาทในเนื้อที่ 5 ไร่ 3 งาน 4.1 ตารางวา ซึ่งเดิม พศ. ได้จัดทำสัญญาเช่าที่ดินและอาคารจำนวน 79 สัญญา ดังนี้ 1. สัญญาเช่าที่ดินและอาคารรายปี จำนวน 32 สัญญา ระยะเวลาเช่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2554 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2556 ส่วนที่ 2. สัญญาเช่าอาคารนานปี จำนวน 47 สัญญา ระยะเวลาการเช่าสิ้นสุดลงวันที่ 27 มี.ค. 2568
ต่อมาคณะกรรมการพิจารณางบประมาณศาสนสมบัติกาลประจำ (พศป.) ได้พิจารณาว่า ปัจจุบันอาคารที่ปลูกอยู่ในที่ดินเป็นลักษณะอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 3 ชั้น แฟลต และท่าเทียบเรือ มีสภาพใช้งานนานปี ค่อนข้างเก่า อาคารบางหลัง สำนักงานเขตราชเทวีได้มีคำสั่งให้รื้อถอนออก เนื่องจากสภาพอาคารชำรุดทรุดโทรม อาจเป็นอันตรายต่อผู้อาศัยได้ พศป. จึงมีมติที่ 2/2557 (27/2556) วันที่ 6 พ.ย. 2556 ให้ พศ. ดำเนินการ ดังนี้ 1. สัญญาเช่าอาคารรายไม่เกิน 3 ปี และสัญญาเช่าที่ดินรายไม่เกิน 3 ปี สินสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2556 ทุกราย ให้งดต่อสัญญาเช่าและงดเก็บค่าเช่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2557 เป็นต้นไป 2. สัญญาเช่าอาคารนานปี และสัญญาเช่าที่ดินนานปี งดต่อสัญญาเช่าและงดเก็บค่าเช่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2557 เป็นต้นไป
นายนพรัตน์ กล่าวว่า พศ. ได้ดำเนินการตามมติ พศป. โดย 1. สัญญาเช่ารายปี อายุสัญญาสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2556 พศ. ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้เช่า ย้ายออกจากอาคารและที่ดิน ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันรับหนังสือ ส่วนกรณีที่ 2 สัญญาเช่านานปีนั้น พศ. ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญา แต่ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าปฏิบัติตามสัญญา ข้อที่ 14 ซึ่งกำหนดว่า ผู้เช่าสัญญาว่า ในระหว่างอายุการเช่าตามสัญญานี้ ถ้าผู้ให้เช่ามีความจำเป็นจะได้อาคารสถานที่ที่เช่าคืน เพื่อประโยชน์ของทางราชการหรือเพื่อประโยชน์ในการบูรณะพัฒนา ผู้เช่ายินยอมส่งมอบอาคารให้แก่ผู้เช่าภายใน 180 วัน นับตั้งแต่ผู้ให้เช่าได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า เมื่อผู้เช่าได้รับหนังสือดังกล่าวจาก พศ. ที่ผู้เช่าเดิมได้ทำหนังสือร้องเรียนมายัง พศ. โดยในสัญญารายปี ขอให้ทาง พศ. ขอแจ้งต่อ พศป. ว่า ขอความเมตตาที่ให้ย้ายออกภายใน 30 วัน หรือ 180 วัน คงทำไม่ได้ เพราะไม่สามารถดำเนินการหาที่อยู่ใหม่ได้ทัน กลัวว่าจะเกิดการขับไล่ตามกฏหมายบังคับ ซึ่งผู้ประกอบการที่ซื้อสินค้าไว้มากก็อาจจำหน่ายสินค้าไม่ทัน โดยเฉพาะร้านอาหารอาจหาที่ขายใหม่ได้ยาก ส่วนสัญญานานปีเหลืออีก 11 ปี ควรจะให้ผู้เช่าอยู่ครบสัญญาเช่าก่อน หรือควรจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากได้เสียค่าใช้จ่ายไปแล้ว หาก พศ. จะนำอาคารออกไปให้ผู้อื่นปรับปรุง ทางผู้เช่าขอปรับปรุงพัฒนาอาคารที่ตนเช่าเองได้หรือไม่ และสุดท้ายหากผู้เช่าไม่ย้ายออก พศ. จะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ทั้งนี้ พศ. จะนำเรื่องดังกล่าวให้ พศป. พิจารณาในวันที่ 15 ก.ค. นี้
“เงื่อนไขสัญญาของผู้ที่จะเข้ามาปรับปรุงพื้นที่ ได้มีกำหนดชัดเจนว่า ผู้ปรับปรุงจะเป็นผู้เจรจาตกลงยินยอมในค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ผู้เช่าเดิมเรียกร้อง และให้ผู้เช่าแสดงความประสงค์ตกลงรับค่าใช้จ่าย หรือเงือนไขต่างๆ ที่ผู้ปรับปรุงเสนอโดยย้ายออกไป ซึ่ง พศป. มีประสงค์ให้ พศ. แจ้งผู้เช่าเดิมตามมติ แต่จะไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการบอกเลิกสัญญา และยืนยันได้ว่า หากไม่มีความชัดเจนในเรื่องข้อตกลงระหว่างผู้ปรับปรุง กับผู้เช่าเดิม เป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อน ทาง พศ. จะไม่เซ็นสัญญากับผู้ปรับปรุงใหม่ จนกว่าจะมีความชัดเจนออกมาที่ทำให้ผู้เช่าเดิมสบายใจ และได้รับความเป็นธรรม รวมทั้งขอยืนยันว่า ข้อตกลงยังไม่มีความชัดเจน ส่วนกรณีอาคารที่สำนักงานเขตราชเทวีให้รื้อถอนอาคารมีหลายสัญญาทั้งนานปี และรายปี ซึ่งคงจะต้องใช้ระยะเวลาการพิจารณากันอีกระยะหนึ่ง” นายนพรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (9 ก.ค.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.พศ. แถลงข่าวกรณีสรุปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาที่ดินศาสนสมบัติกลางเฉลิมโลก ฝั่งเหนือ ย่านประตูน้ำ ว่า ที่ดินศาสนสมบัติกลางเฉลิมโลก โฉนดที่ดินเลขที่ 1474 เลขที่ดิน 129 ซึ่งมีปัญหาข้อพิพาทในเนื้อที่ 5 ไร่ 3 งาน 4.1 ตารางวา ซึ่งเดิม พศ. ได้จัดทำสัญญาเช่าที่ดินและอาคารจำนวน 79 สัญญา ดังนี้ 1. สัญญาเช่าที่ดินและอาคารรายปี จำนวน 32 สัญญา ระยะเวลาเช่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2554 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2556 ส่วนที่ 2. สัญญาเช่าอาคารนานปี จำนวน 47 สัญญา ระยะเวลาการเช่าสิ้นสุดลงวันที่ 27 มี.ค. 2568
ต่อมาคณะกรรมการพิจารณางบประมาณศาสนสมบัติกาลประจำ (พศป.) ได้พิจารณาว่า ปัจจุบันอาคารที่ปลูกอยู่ในที่ดินเป็นลักษณะอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 3 ชั้น แฟลต และท่าเทียบเรือ มีสภาพใช้งานนานปี ค่อนข้างเก่า อาคารบางหลัง สำนักงานเขตราชเทวีได้มีคำสั่งให้รื้อถอนออก เนื่องจากสภาพอาคารชำรุดทรุดโทรม อาจเป็นอันตรายต่อผู้อาศัยได้ พศป. จึงมีมติที่ 2/2557 (27/2556) วันที่ 6 พ.ย. 2556 ให้ พศ. ดำเนินการ ดังนี้ 1. สัญญาเช่าอาคารรายไม่เกิน 3 ปี และสัญญาเช่าที่ดินรายไม่เกิน 3 ปี สินสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2556 ทุกราย ให้งดต่อสัญญาเช่าและงดเก็บค่าเช่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2557 เป็นต้นไป 2. สัญญาเช่าอาคารนานปี และสัญญาเช่าที่ดินนานปี งดต่อสัญญาเช่าและงดเก็บค่าเช่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2557 เป็นต้นไป
นายนพรัตน์ กล่าวว่า พศ. ได้ดำเนินการตามมติ พศป. โดย 1. สัญญาเช่ารายปี อายุสัญญาสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2556 พศ. ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้เช่า ย้ายออกจากอาคารและที่ดิน ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันรับหนังสือ ส่วนกรณีที่ 2 สัญญาเช่านานปีนั้น พศ. ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญา แต่ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าปฏิบัติตามสัญญา ข้อที่ 14 ซึ่งกำหนดว่า ผู้เช่าสัญญาว่า ในระหว่างอายุการเช่าตามสัญญานี้ ถ้าผู้ให้เช่ามีความจำเป็นจะได้อาคารสถานที่ที่เช่าคืน เพื่อประโยชน์ของทางราชการหรือเพื่อประโยชน์ในการบูรณะพัฒนา ผู้เช่ายินยอมส่งมอบอาคารให้แก่ผู้เช่าภายใน 180 วัน นับตั้งแต่ผู้ให้เช่าได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า เมื่อผู้เช่าได้รับหนังสือดังกล่าวจาก พศ. ที่ผู้เช่าเดิมได้ทำหนังสือร้องเรียนมายัง พศ. โดยในสัญญารายปี ขอให้ทาง พศ. ขอแจ้งต่อ พศป. ว่า ขอความเมตตาที่ให้ย้ายออกภายใน 30 วัน หรือ 180 วัน คงทำไม่ได้ เพราะไม่สามารถดำเนินการหาที่อยู่ใหม่ได้ทัน กลัวว่าจะเกิดการขับไล่ตามกฏหมายบังคับ ซึ่งผู้ประกอบการที่ซื้อสินค้าไว้มากก็อาจจำหน่ายสินค้าไม่ทัน โดยเฉพาะร้านอาหารอาจหาที่ขายใหม่ได้ยาก ส่วนสัญญานานปีเหลืออีก 11 ปี ควรจะให้ผู้เช่าอยู่ครบสัญญาเช่าก่อน หรือควรจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากได้เสียค่าใช้จ่ายไปแล้ว หาก พศ. จะนำอาคารออกไปให้ผู้อื่นปรับปรุง ทางผู้เช่าขอปรับปรุงพัฒนาอาคารที่ตนเช่าเองได้หรือไม่ และสุดท้ายหากผู้เช่าไม่ย้ายออก พศ. จะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ทั้งนี้ พศ. จะนำเรื่องดังกล่าวให้ พศป. พิจารณาในวันที่ 15 ก.ค. นี้
“เงื่อนไขสัญญาของผู้ที่จะเข้ามาปรับปรุงพื้นที่ ได้มีกำหนดชัดเจนว่า ผู้ปรับปรุงจะเป็นผู้เจรจาตกลงยินยอมในค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ผู้เช่าเดิมเรียกร้อง และให้ผู้เช่าแสดงความประสงค์ตกลงรับค่าใช้จ่าย หรือเงือนไขต่างๆ ที่ผู้ปรับปรุงเสนอโดยย้ายออกไป ซึ่ง พศป. มีประสงค์ให้ พศ. แจ้งผู้เช่าเดิมตามมติ แต่จะไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการบอกเลิกสัญญา และยืนยันได้ว่า หากไม่มีความชัดเจนในเรื่องข้อตกลงระหว่างผู้ปรับปรุง กับผู้เช่าเดิม เป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อน ทาง พศ. จะไม่เซ็นสัญญากับผู้ปรับปรุงใหม่ จนกว่าจะมีความชัดเจนออกมาที่ทำให้ผู้เช่าเดิมสบายใจ และได้รับความเป็นธรรม รวมทั้งขอยืนยันว่า ข้อตกลงยังไม่มีความชัดเจน ส่วนกรณีอาคารที่สำนักงานเขตราชเทวีให้รื้อถอนอาคารมีหลายสัญญาทั้งนานปี และรายปี ซึ่งคงจะต้องใช้ระยะเวลาการพิจารณากันอีกระยะหนึ่ง” นายนพรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่