กรมอนามัยเปิด 10 เมนูสุดฮิตลดเค็ม ลงหนังสือเมนูชูสุขภาพลดเค็ม ลดมัน ระบุยังคงรสชาติแซ่บเท่าเดิม
วันนี้ (28 พ.ค.) นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวภายหลังเปิดตัวหนังสือเมนูชูสุขภาพลดเค็ม ลดมัน (Healthy Menu Low Salt & Low Fat) ว่า คนไทยประสบปัญหาโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ทั้งโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอาหารรสหวาน มันและเค็ม ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกแนะนำให้บริโภคเกลือโซเดียมคลอไรด์ที่เป็นเกลือแกง รสเค็ม ไม่เกิน 5 กรัมต่อวัน คือ 1 ช้อนชา และแม้ว่าโซเดียมมีความสำคัญต่อร่างกายโดยทำหน้าที่ส่งสัญญาณในระบบประสาทและกล้ามเนื้อ แต่หากบริโภคโซเดียมมากเกินไป ทำให้ไตขับออกได้ไม่หมด โซเดียมก็จะคั่ง ดึงน้ำไว้ในร่างกายมาก ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น เร่งให้ไตเสื่อมลง เกิดภาวะไตวาย และยังทำให้ขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน
นพ.พรเทพ กล่าวว่า สำหรับไขมันเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะการดูดซึมวิตามินบางตัวต้องใช้ไขมันร่วมด้วย แต่การบริโภคอาหารที่มีไขมันมากเกินไป ทำให้เกิดการสะสมในร่างกายมาก ส่งผลให้เป็นโรคอ้วน โดยเฉพาะการบริโภคไขมันอิ่มตัว ซึ่งพบมากในผลิตภัณฑ์สัตว์ เช่น หมูสามชั้น มันหมู หนังไก่ จะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล ดังนั้น การบริโภคไขมันที่ใช้ในการปรุงประกอบอาหาร จึงควรบริโภคไม่เกิน 6 ช้อนชา ใน 1 วัน ส่วนน้ำตาลให้รสหวาน บริโภคมากเกินไปทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น จนเกิดภาวะอ้วน และเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน
“การบริโภคอาหารที่ลดปริมาณเกลือ ไขมัน และน้ำตาล เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก สามารถทำได้ โดยลดปริมาณลงเรื่อยๆ ทีละน้อย ซึ่งกรมอนามัยได้ร่วมกับสมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย จัดทำสูตรอาหารที่นิยมแพร่หลายในแต่ละภาค จากเดิมมีเกลือ และไขมันเป็นส่วนประกอบในปริมาณสูง ทำให้ประชาชนบริโภคเกลือและไขมันมากเกินเกินความจำเป็น จึงปรับลดปริมาณส่วนผสมของไขมัน และโซเดียม ร้อยละ 20-73 โดยจัดทำเป็นเมนูชูสุขภาพลดเค็ม ลดมัน (Healthy Menu Low Salt & Low Fat) แต่ยังคงรสชาติอร่อยไว้เหมือนเดิม ใน 10 เมนูยอดนิยม ได้แก่ ผัดไทยกุ้งสด ผัดกะเพราไก่ ก๋วยเตี๋ยวน้ำ แกงเหลือง น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แกงเขียวหวานไก่ ส้มตำปลาร้า แกงลาว และกล้วยบวชชี เพื่อให้คนไทยบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่