เด็กๆ ที่ประสบความสำเร็จในการเรียนส่วนใหญ่ มักจะเป็นเด็กที่มีผู้ปกครองคอยใส่ใจช่วยเหลือเวลาที่ทำการบ้าน เพราะนั่นทำให้ลูกเห็นความสำคัญและคุณค่าของสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ การที่พ่อแม่ช่วยลูกทำการบ้านนั้นไม่ได้มีความหมายว่าการนั่งอยู่ที่โต๊ะ และใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ ในการทำการบ้าน แต่หมายถึงการที่คุณพ่อคุณแม่เป็นคนให้กำลังใจ สอนทักษะที่สำคัญในวิชานั้นๆ ให้แก่ลูก ได้แก่อธิบายโจทย์ปัญหาที่ยาก หรือคอยบอกให้ลูกหยุดพักสายตาบ้าง เป็นต้น

เทคนิคที่สามารถช่วยลูกในการทำการบ้านมีดังนี้
1. จัดตารางประจำวันที่ชัดเจน เด็กบางคนทำได้ดีหลังทางอาหารเย็น หรือบางคนชอบทำก่อนอาบน้ำ หรือหลังทานอาหารว่าง เป็นต้น เลือกเวลาทำการบ้านที่เหมาะสมให้ลูกของเรา
2. รู้จักคุณครูที่สอน ว่าคุณครูต้องการอะไร โดยคุณพ่อคุณแม่เข้าร่วมการประชุมต่างๆทุกครั้งที่ทางโรงเรียนจัด เช่นการปฐมนิเทศผู้ปกครอง วันประชุมพบปะผู้ปกครอง สอบถามถึงวิธีช่วยลูกทำการบ้านรวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ของทางโรงเรียน
3. หากยังมีคำถามเกี่ยวกับการบ้านที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ ให้ปรึกษากับคุณครูเจ้าของวิชา เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องต่อไป
4. ช่วยลูกในการวางแผนการทำการบ้าน ในวันที่มีการบ้านหลายวิชา ช่วยลูกในการจัดเวลาและพักช่วงในการทำการบ้าน จัดทำเป็นตารางว่าควรจะทำอะไรเวลาไหนในคืนนั้น และใช้เวลาพัก 15 นาทีในทุกชั่วโมง
5. จัดบริเวณทำการบ้านให้น่าอยู่และผ่อนคลาย การจัดสถานที่ที่มีความเหมาะสมที่เด็กๆ รู้สึกว่าน่าเข้าไปนั่งทำการบ้านตรง นั้นจะมีส่วนสำคัญช่วยให้ลูกอยากทำการบ้านและมีความสุขในการทำการบ้านอีก ด้วย และอย่าลืมเตรียมปากกา ดินสอ ยางลบ และอุปกรณ์สำหรับทำการบ้านให้พร้อมและใกล้มือเด็ก
6. กำจัดสิ่งรบกวนออกไป เช่น เสียงทีวี หรือเสียงดังอื่นๆ เช่น เสียงดนตรี เสียงโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
7. ให้ลูกทำการบ้านด้วยตัวเอง ไม่ลอกเพื่อนหรือให้คุณพ่อคุณแม่ทำให้ เด็กจะเรียนรู้จากการทำถูกและผิด จะรู้จักคิดและแก้ปัญหาในครั้งต่อไป คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้แนะนำและแนะแนวทาง เป็นผู้ให้กำลังใจเท่านั้น ตรวจดูว่าลูกทำการบ้านครบถ้วนหรือยัง อยู่ใกล้ๆ หากลูกมีคำถามหรือต้องการการอธิบายเพิ่มเติม ให้ลูกเรียนรู้จักการรับผิดชอบการทำการบ้านด้วยตัวเอง รับผิดชอบในคำตอบที่เลือกและไม่โทษคนอื่นในกรณีทำผิดอีกด้วย
8. จัดกลุ่มผู้ปกครองในห้องร่วมกัน เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือและเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน เช่นใช้ไลน์ เฟสบุ๊ค หรือส่งข้อความหากันได้ และสอบถามถึงสิ่งที่ไม่เข้าใจจากผู้ปกครองท่านอื่น ทั้งยังได้มีโอกาสแบ่งเบาและช่วยแก้ไขปัญหาร่วมกัน
9. ให้กำลังใจ และ ห้การเสริมแรงทางบวกกับลูก เมื่อลูกทำการบ้านหรือกิจกรรมนั้นๆ สำเร็จ คุณพ่อคุณแม่สามารถติดผลงาน เช่น งานศิลปะไว้ที่ตู้เย็นหรือที่มองเห็นได้ ทำให้ลูกรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจในตัวลูกเสมอ
การบ้านเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเด็กไทยมาตลอด กระเป๋านักเรียนที่หนักอยู่กับเด็กไทยมานานแสนนาน แต่จากการวิจัยพบว่าเด็กที่มีการบ้านกับเด็กที่ไม่มีการบ้านต่างประสบความสำเร็จในชีวิตเท่าเทียมกัน ดังนั้น การให้ลูกมีความสุข เรียนอย่างสนุกเป็นคำตอบที่ดีกว่า ทั้งตัวคุณพ่อคุณแม่เองและลูกๆ ด้วยเช่นกัน เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ
เทคนิคที่สามารถช่วยลูกในการทำการบ้านมีดังนี้
1. จัดตารางประจำวันที่ชัดเจน เด็กบางคนทำได้ดีหลังทางอาหารเย็น หรือบางคนชอบทำก่อนอาบน้ำ หรือหลังทานอาหารว่าง เป็นต้น เลือกเวลาทำการบ้านที่เหมาะสมให้ลูกของเรา
2. รู้จักคุณครูที่สอน ว่าคุณครูต้องการอะไร โดยคุณพ่อคุณแม่เข้าร่วมการประชุมต่างๆทุกครั้งที่ทางโรงเรียนจัด เช่นการปฐมนิเทศผู้ปกครอง วันประชุมพบปะผู้ปกครอง สอบถามถึงวิธีช่วยลูกทำการบ้านรวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ของทางโรงเรียน
3. หากยังมีคำถามเกี่ยวกับการบ้านที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ ให้ปรึกษากับคุณครูเจ้าของวิชา เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องต่อไป
4. ช่วยลูกในการวางแผนการทำการบ้าน ในวันที่มีการบ้านหลายวิชา ช่วยลูกในการจัดเวลาและพักช่วงในการทำการบ้าน จัดทำเป็นตารางว่าควรจะทำอะไรเวลาไหนในคืนนั้น และใช้เวลาพัก 15 นาทีในทุกชั่วโมง
5. จัดบริเวณทำการบ้านให้น่าอยู่และผ่อนคลาย การจัดสถานที่ที่มีความเหมาะสมที่เด็กๆ รู้สึกว่าน่าเข้าไปนั่งทำการบ้านตรง นั้นจะมีส่วนสำคัญช่วยให้ลูกอยากทำการบ้านและมีความสุขในการทำการบ้านอีก ด้วย และอย่าลืมเตรียมปากกา ดินสอ ยางลบ และอุปกรณ์สำหรับทำการบ้านให้พร้อมและใกล้มือเด็ก
6. กำจัดสิ่งรบกวนออกไป เช่น เสียงทีวี หรือเสียงดังอื่นๆ เช่น เสียงดนตรี เสียงโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
7. ให้ลูกทำการบ้านด้วยตัวเอง ไม่ลอกเพื่อนหรือให้คุณพ่อคุณแม่ทำให้ เด็กจะเรียนรู้จากการทำถูกและผิด จะรู้จักคิดและแก้ปัญหาในครั้งต่อไป คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้แนะนำและแนะแนวทาง เป็นผู้ให้กำลังใจเท่านั้น ตรวจดูว่าลูกทำการบ้านครบถ้วนหรือยัง อยู่ใกล้ๆ หากลูกมีคำถามหรือต้องการการอธิบายเพิ่มเติม ให้ลูกเรียนรู้จักการรับผิดชอบการทำการบ้านด้วยตัวเอง รับผิดชอบในคำตอบที่เลือกและไม่โทษคนอื่นในกรณีทำผิดอีกด้วย
8. จัดกลุ่มผู้ปกครองในห้องร่วมกัน เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือและเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน เช่นใช้ไลน์ เฟสบุ๊ค หรือส่งข้อความหากันได้ และสอบถามถึงสิ่งที่ไม่เข้าใจจากผู้ปกครองท่านอื่น ทั้งยังได้มีโอกาสแบ่งเบาและช่วยแก้ไขปัญหาร่วมกัน
9. ให้กำลังใจ และ ห้การเสริมแรงทางบวกกับลูก เมื่อลูกทำการบ้านหรือกิจกรรมนั้นๆ สำเร็จ คุณพ่อคุณแม่สามารถติดผลงาน เช่น งานศิลปะไว้ที่ตู้เย็นหรือที่มองเห็นได้ ทำให้ลูกรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจในตัวลูกเสมอ
การบ้านเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเด็กไทยมาตลอด กระเป๋านักเรียนที่หนักอยู่กับเด็กไทยมานานแสนนาน แต่จากการวิจัยพบว่าเด็กที่มีการบ้านกับเด็กที่ไม่มีการบ้านต่างประสบความสำเร็จในชีวิตเท่าเทียมกัน ดังนั้น การให้ลูกมีความสุข เรียนอย่างสนุกเป็นคำตอบที่ดีกว่า ทั้งตัวคุณพ่อคุณแม่เองและลูกๆ ด้วยเช่นกัน เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ