เชื่อว่าหลายคนคงยังจำพิษเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อปี 2540 ได้ นายเพ็ญ สังข์นาค ชาวลพบุรี ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นเพราะราคาสินค้าทางการเกษตรผันผวน รายได้ที่ได้รับจึงไม่แน่นอน ทำให้เขาต้องหันมามองหาอาชีพมั่นคงกว่าอาชีพที่ทำอยู่ เวลานั้นเองเขาทราบข่าวว่า ซีพีเอฟ มีโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสุกร ที่ช่วยสร้างอาชีพที่มั่นคงและรายได้ที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรรายย่อย เขาจึงสนใจในทันทีและได้ลองศึกษาพร้อมทั้งปรึกษาหารือกับบริษัท เมื่อเห็นว่ามีความเป็นไปได้และความสำเร็จของเกษตรกรที่ร่วมโครงการอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพมาเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรขุนกับซีพีเอฟ อย่างไม่ลังเล
การลงทุนเลี้ยงหมูขุนตามระบบของซีพีเอฟ ยอมรับว่าใช้เงินค่อนข้างสูง แต่ในระยะยาวแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะทำให้การเลี้ยงหมูประสิทธิภาพมากขึ้น แล้วยังนำมูลหมูมาสร้างมูลค่าเพิ่ม คือผลิตกระแสไฟฟ้าจากระบบไบโอแก๊สที่ใช้ในปัจจุบันสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านกระแสไฟฟ้าลงไปได้มาก แถมยังช่วยลดมลภาวะและลดโลกร้อนอีกด้วย
หลังจากบริหารจัดการภายในฟาร์มเลี้ยงหมูลงตัวแล้ว จึงให้ลูกเข้าสานต่อ แล้วยังต่อยอดอาชีพโดยนำมูลสุกรที่ผ่านการหมักในระบบไบโอแก๊สแล้วมาเพิ่มมูลค่า ทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดให้เพื่อนเกษตรกรที่ปลูกพืชตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังได้นำน้ำผ่านการบำบัดมารดต้นพืชและปุ๋ยบำรุงไปในตัว ส่งผลให้พืชได้ผลผลิตสูง จากวันนั้นถึงวันนี้กว่า 17 ปีที่ร่วมกับซีพีเอฟ ครอบครัวของตนมีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง
