3 อุตสาหกรรมหลัก รถยนต์ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า ส่อเลิกจ้างแรงงาน กระทบหนักทั้งใน-ต่างประเทศ จี้ กสร.เฝ้าระวัง แนะเลิกจ้างทางออกสุดท้าย ลุ้นการเมืองยุติใน 3 เดือน
นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวถึงสถานการณ์ด้านแรงงานว่า ขณะนี้มีสัญญาณส่อว่าจะมีการเลิกจ้างแรงงานเกิดขึ้นโดยเห็นได้จากยอดผลิตของบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ ลดลงและทุกบริษัทชะลอตัวในการลงทุนธุรกิจใหม่ๆเนื่องจากกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองโดยเฉพาะ 3 อุตสาหกรรมใหญ่ที่ต้องจับตาดูคือ รถยนต์ เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งต้องพึ่งพาตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยตลาดในประเทศนั้นมียอดขายลดลง ขณะที่ตลาดต่างประเทศเช่น ยุโรป อเมริกานั้นยอดการสั่งสินค้าก็ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ ยังพบว่านายจ้างปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการต่างๆ ด้วย
“เราต้องรอดูสัญญาณด้านการเมืองและเศรษฐกิจไปอีก 3 เดือน ถ้าการเมืองนิ่งก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากการเมืองไม่นิ่ง ประชาชนไม่มีกำลังในการซื้อเพราะลูกจ้างไม่มีโอที จะทำให้ไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย ส่วนชาวนาก็ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว จะส่งผลให้เศรษฐกิจฝืดเคืองและอุตสาหกรรมต่างๆ เติบโตลดลง จะเกิดการเลิกจ้างขึ้นได้” นายชาลี กล่าว
ประธาน คสรท. กล่าวอีกว่า ตนได้เสนอให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ช่วยตรวจสอบดูว่าเวลานี้มีบริษัทใดบ้างที่มีสัญญาณขาดสภาพคล่อง จะดำเนินธุรกิจต่อไปไม่รอดรวมทั้งขอให้ดูแลให้การปลดออก เลิกจ้างคนงานเป็นทางออกสุดท้ายในการแก้ปัญหา โดยมาตรการแก้ปัญหาเบื้องต้น หากธุรกิจยังเดินหน้าต่อไปได้ ก็ขอให้นายจ้างร่วมกับลูกจ้างหารือกันว่าจะลดต้นทุนส่วนใดการผลิตส่วนใดได้บ้าง ถ้าหาทางลดต้นทุนการผลิตส่วนต่างๆ ไปหมดแล้ว สถานการณ์ของบริษัทยังไม่ดีขึ้น ก็จะต้องหารือร่วมกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างว่าจำเป็นต้องลดสวัสดิการบางส่วนลงชั่วคราวหรือไม่เพื่อรักษาลูกจ้างเอาไว้
“เมื่อถึงที่สุดแล้วธุรกิจไปไม่ไหวจริงๆจำเป็นต้องปลดออกเลิกจ้าง ทาง กสร. ก็ต้องดูแลให้ลูกจ้างได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน” นายชาลี กล่าว
นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวถึงสถานการณ์ด้านแรงงานว่า ขณะนี้มีสัญญาณส่อว่าจะมีการเลิกจ้างแรงงานเกิดขึ้นโดยเห็นได้จากยอดผลิตของบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ ลดลงและทุกบริษัทชะลอตัวในการลงทุนธุรกิจใหม่ๆเนื่องจากกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองโดยเฉพาะ 3 อุตสาหกรรมใหญ่ที่ต้องจับตาดูคือ รถยนต์ เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งต้องพึ่งพาตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยตลาดในประเทศนั้นมียอดขายลดลง ขณะที่ตลาดต่างประเทศเช่น ยุโรป อเมริกานั้นยอดการสั่งสินค้าก็ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ ยังพบว่านายจ้างปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการต่างๆ ด้วย
“เราต้องรอดูสัญญาณด้านการเมืองและเศรษฐกิจไปอีก 3 เดือน ถ้าการเมืองนิ่งก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากการเมืองไม่นิ่ง ประชาชนไม่มีกำลังในการซื้อเพราะลูกจ้างไม่มีโอที จะทำให้ไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย ส่วนชาวนาก็ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว จะส่งผลให้เศรษฐกิจฝืดเคืองและอุตสาหกรรมต่างๆ เติบโตลดลง จะเกิดการเลิกจ้างขึ้นได้” นายชาลี กล่าว
ประธาน คสรท. กล่าวอีกว่า ตนได้เสนอให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ช่วยตรวจสอบดูว่าเวลานี้มีบริษัทใดบ้างที่มีสัญญาณขาดสภาพคล่อง จะดำเนินธุรกิจต่อไปไม่รอดรวมทั้งขอให้ดูแลให้การปลดออก เลิกจ้างคนงานเป็นทางออกสุดท้ายในการแก้ปัญหา โดยมาตรการแก้ปัญหาเบื้องต้น หากธุรกิจยังเดินหน้าต่อไปได้ ก็ขอให้นายจ้างร่วมกับลูกจ้างหารือกันว่าจะลดต้นทุนส่วนใดการผลิตส่วนใดได้บ้าง ถ้าหาทางลดต้นทุนการผลิตส่วนต่างๆ ไปหมดแล้ว สถานการณ์ของบริษัทยังไม่ดีขึ้น ก็จะต้องหารือร่วมกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างว่าจำเป็นต้องลดสวัสดิการบางส่วนลงชั่วคราวหรือไม่เพื่อรักษาลูกจ้างเอาไว้
“เมื่อถึงที่สุดแล้วธุรกิจไปไม่ไหวจริงๆจำเป็นต้องปลดออกเลิกจ้าง ทาง กสร. ก็ต้องดูแลให้ลูกจ้างได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน” นายชาลี กล่าว