ตั้ง อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเฉพาะกิจฯ วิเคราะห์ข้อสอบครูผู้ช่วย ได้มาตรฐานหรือไม่ หลังพบคะแนนสอบภาค ก และ ข มีคะแนนต่างกันมาก เหตุข้อสอบมีความหลากหลายโดยเฉพาะใน 59 เขต พร้อมกำหนดเกณฑ์ตัดสินในการสอบสัมภาษณ์จัดกลุ่มคะแนนดีมาก ดี พอใช้ และต่ำกว่าเกณฑ์ แนวทางการให้คะแนน
นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการทุจริตการสอบครูผู้ช่วยในภาค ก และ ข เพิ่มเติม แต่ในการสอบครูผู้ช่วยภาค ค หรือการสอบสัมภาษณ์ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. นี้เป็นต้นไป ซึ่งมีผู้ผ่านเกณฑ์คะแนนร้อยละ 60 ในการสอบภาค ก และ ข เข้าสัมภาษณ์ 23,511 คน ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าจะไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่ ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจทั้ง 89 เขตพื้นที่การศึกษาและ 1 สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เพราะถ้าข้อสอบภาค ก และ ข รั่วก็สามารถที่จะไปบวกคะแนนเพิ่มจากการสัมภาษณ์ได้ ด้วยเหตุนี้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาวิสามัญพัฒนาระบบ ที่ทำหน้าที่แทนคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่ตนเป็นประธานเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีมติเห็นชอบให้มีกรรมการสอบสัมภาษณ์จำนวน 5 คน และให้นำคะแนนที่ได้มาตัดคะแนนที่สูงสุดและต่ำสุดออก แล้วนำคะแนนที่เหลือจากกรรมการ 3 คน มาหาค่าเฉลี่ยเป็นคะแนนสอบสัมภาษณ์ นอกจากนี้ สพฐ. ยังได้กำหนดชั้นคะแนนออก เป็นกลุ่มดีมาก กลุ่มดี และกลุ่มพอใช้ และกลุ่มต่ำกว่าเกณฑ์เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจาณาออกมาเป็นกลุ่มคะแนน
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุม อ.ก.ค.ศ.วิสามัญพัฒนาระบบ ยังมีมติให้แต่ละเขตพื้นที่การศึกษาที่เปิดสอบคราวนี้ส่งข้อมูลมาให้โดยได้ตั้งให้ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเฉพาะกิจเป็นผู้วิเคราะห์ข้อสอบของแต่ละเขตพื้นที่ฯที่เปิดสอบคราวนี้ว่าเป็นข้อสอบที่ได้มาตรฐานหรือไม่ เพราะว่าผลการสอบภาค ก และ ข ที่ออกมามีเขตพื้นที่ฯที่มีผู้สอบผ่านน้อยสุดที่ สพป.แม่ฮ่องสอนเขต 2 เพียง 4.82% เท่านั้นในขณะเขตพื้นที่ฯที่ผ่านสูงสุด 87.17% ที่ สพป.ชุมพร เขต 1 ซึ่งถือว่ามีความแตกต่างกันมาก ส่วนเขตพื้นที่ฯในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีผู้สอบได้ในสัดส่วนที่ต่ำเช่นกันเฉลี่ยไม่ถึง 10% ต้องมาดูว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ทั้งนี้ ในการสอบครั้งนี้มี 31 เขตพื้นที่ฯที่ใช้ข้อสอบเดียวกันที่เหลืออีก 59 เขตพื้นที่ฯใช้ข้อสอบแตกต่างกัน
“ส่วนความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของ สพฐ. กรณีผู้อำนวยการโรงเรียนและครูอีกสองคนไปสอบโดยไม่ได้ขออนุญาตยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งการที่สพฐ.ได้ออกหนังสือสั่งให้เขตพื้นที่ฯต้นสังกัดยุติการสืบข้อเท็จจริงนั้นเป็นเพราะเขตพื้นที่ฯไม่มีอำนาจ เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ที่เขตพื้นที่ฯต้นสังกัด ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการช่วยใครเพราะอย่างไรเรื่องนี้ก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่ออยู่แล้ว” นายอภิชาติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ที่ถูกตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงคนหนึ่งมีความใกล้ชิดกับนักการเมืองใหญ่ใน จ.บุรีรัมย์ จะมีผลอะไรไหม เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่าใหญ่เล็กไม่รู้ แต่เรื่องนี้ต้องว่าไปตามกฎหมาย
ด้าน นายสัจจา ศรีเสริญ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กทม. เขต 2 กล่าวว่า ในการสอบภาค ค ที่สนามสอบโรงเรียนหอวัง วันพรุ่งนี้นั้น เนื่องจากมีนโยบายเลขาธิการ กพฐ. ไม่ให้เปิดเผยตัวกรรมการผู้สอบสัมภาษณ์ ดังนั้น สพม.กทม. 2 ได้เชิญผู้บริหารโรงเรียน ครูอาวุโส ครูที่มีวิทยฐานะชำนาญการ ชำนาญการพิเศษมาให้จำนวนมากที่สุด จากนั้นจะจับสลากรายชื่อผู้บริหารที่มา จำนวน 5 คน เพื่อทำหน้าที่เป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์ และทำความเข้าใจแนวทางการสอบสัมภาษณ์และการให้คะแนนตามนโยบายของ สพฐ. เมื่อเรียบร้อยแล้วก็จะดำเนินการจับสลากวิชาเอกที่จะสอบสัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเท่ากับว่าจะไม่มีใครรู้ตัวมาก่อนว่าจะสอบสัมภาษณ์วิชาเอกอะไร รวมถึงจะมีการเก็บเครื่องมือสื่อสารของกรรมการและผู้สอบทั้งหมดเพื่อป้องกันการทุจริต ทั้งนี้ สพม. เขต 2 จะมีผู้เข้าสอบสัมภาษณ์ทั้งสิ้น 436 คน รับประมาณ 70 คน ใน 11 วิชาเอก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ สพฐ. ให้เขตพื้นที่ต่างๆ ไปตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครว่ามีผู้สมัครสอบซ้ำหลายเขตจำนวนกี่คนนั้น ในส่วนของ สพม.กทม.2 พบว่ามีรายชื่อผู้สมัครสอบมากกว่า 1 เขตจำนวน 217 คน มาสอบที่ สพม.กทม. เขต 2 จำนวน 79 คนซึ่งตัวเลขดังกล่าวไม่ถือว่าผิดปกติ เพราะผู้สมัครสามารถเลือกสอบในพื้นที่ที่ต้องการได้ ส่วนการตรวจสอบว่ามีผู้สมัครที่เป็นครูอยู่แล้วมาสมัครสอบด้วยหรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการทุจริตการสอบครูผู้ช่วยในภาค ก และ ข เพิ่มเติม แต่ในการสอบครูผู้ช่วยภาค ค หรือการสอบสัมภาษณ์ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. นี้เป็นต้นไป ซึ่งมีผู้ผ่านเกณฑ์คะแนนร้อยละ 60 ในการสอบภาค ก และ ข เข้าสัมภาษณ์ 23,511 คน ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าจะไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่ ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจทั้ง 89 เขตพื้นที่การศึกษาและ 1 สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เพราะถ้าข้อสอบภาค ก และ ข รั่วก็สามารถที่จะไปบวกคะแนนเพิ่มจากการสัมภาษณ์ได้ ด้วยเหตุนี้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาวิสามัญพัฒนาระบบ ที่ทำหน้าที่แทนคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่ตนเป็นประธานเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีมติเห็นชอบให้มีกรรมการสอบสัมภาษณ์จำนวน 5 คน และให้นำคะแนนที่ได้มาตัดคะแนนที่สูงสุดและต่ำสุดออก แล้วนำคะแนนที่เหลือจากกรรมการ 3 คน มาหาค่าเฉลี่ยเป็นคะแนนสอบสัมภาษณ์ นอกจากนี้ สพฐ. ยังได้กำหนดชั้นคะแนนออก เป็นกลุ่มดีมาก กลุ่มดี และกลุ่มพอใช้ และกลุ่มต่ำกว่าเกณฑ์เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจาณาออกมาเป็นกลุ่มคะแนน
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุม อ.ก.ค.ศ.วิสามัญพัฒนาระบบ ยังมีมติให้แต่ละเขตพื้นที่การศึกษาที่เปิดสอบคราวนี้ส่งข้อมูลมาให้โดยได้ตั้งให้ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเฉพาะกิจเป็นผู้วิเคราะห์ข้อสอบของแต่ละเขตพื้นที่ฯที่เปิดสอบคราวนี้ว่าเป็นข้อสอบที่ได้มาตรฐานหรือไม่ เพราะว่าผลการสอบภาค ก และ ข ที่ออกมามีเขตพื้นที่ฯที่มีผู้สอบผ่านน้อยสุดที่ สพป.แม่ฮ่องสอนเขต 2 เพียง 4.82% เท่านั้นในขณะเขตพื้นที่ฯที่ผ่านสูงสุด 87.17% ที่ สพป.ชุมพร เขต 1 ซึ่งถือว่ามีความแตกต่างกันมาก ส่วนเขตพื้นที่ฯในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีผู้สอบได้ในสัดส่วนที่ต่ำเช่นกันเฉลี่ยไม่ถึง 10% ต้องมาดูว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ทั้งนี้ ในการสอบครั้งนี้มี 31 เขตพื้นที่ฯที่ใช้ข้อสอบเดียวกันที่เหลืออีก 59 เขตพื้นที่ฯใช้ข้อสอบแตกต่างกัน
“ส่วนความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของ สพฐ. กรณีผู้อำนวยการโรงเรียนและครูอีกสองคนไปสอบโดยไม่ได้ขออนุญาตยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งการที่สพฐ.ได้ออกหนังสือสั่งให้เขตพื้นที่ฯต้นสังกัดยุติการสืบข้อเท็จจริงนั้นเป็นเพราะเขตพื้นที่ฯไม่มีอำนาจ เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ที่เขตพื้นที่ฯต้นสังกัด ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการช่วยใครเพราะอย่างไรเรื่องนี้ก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่ออยู่แล้ว” นายอภิชาติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ที่ถูกตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงคนหนึ่งมีความใกล้ชิดกับนักการเมืองใหญ่ใน จ.บุรีรัมย์ จะมีผลอะไรไหม เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่าใหญ่เล็กไม่รู้ แต่เรื่องนี้ต้องว่าไปตามกฎหมาย
ด้าน นายสัจจา ศรีเสริญ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กทม. เขต 2 กล่าวว่า ในการสอบภาค ค ที่สนามสอบโรงเรียนหอวัง วันพรุ่งนี้นั้น เนื่องจากมีนโยบายเลขาธิการ กพฐ. ไม่ให้เปิดเผยตัวกรรมการผู้สอบสัมภาษณ์ ดังนั้น สพม.กทม. 2 ได้เชิญผู้บริหารโรงเรียน ครูอาวุโส ครูที่มีวิทยฐานะชำนาญการ ชำนาญการพิเศษมาให้จำนวนมากที่สุด จากนั้นจะจับสลากรายชื่อผู้บริหารที่มา จำนวน 5 คน เพื่อทำหน้าที่เป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์ และทำความเข้าใจแนวทางการสอบสัมภาษณ์และการให้คะแนนตามนโยบายของ สพฐ. เมื่อเรียบร้อยแล้วก็จะดำเนินการจับสลากวิชาเอกที่จะสอบสัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเท่ากับว่าจะไม่มีใครรู้ตัวมาก่อนว่าจะสอบสัมภาษณ์วิชาเอกอะไร รวมถึงจะมีการเก็บเครื่องมือสื่อสารของกรรมการและผู้สอบทั้งหมดเพื่อป้องกันการทุจริต ทั้งนี้ สพม. เขต 2 จะมีผู้เข้าสอบสัมภาษณ์ทั้งสิ้น 436 คน รับประมาณ 70 คน ใน 11 วิชาเอก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ สพฐ. ให้เขตพื้นที่ต่างๆ ไปตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครว่ามีผู้สมัครสอบซ้ำหลายเขตจำนวนกี่คนนั้น ในส่วนของ สพม.กทม.2 พบว่ามีรายชื่อผู้สมัครสอบมากกว่า 1 เขตจำนวน 217 คน มาสอบที่ สพม.กทม. เขต 2 จำนวน 79 คนซึ่งตัวเลขดังกล่าวไม่ถือว่าผิดปกติ เพราะผู้สมัครสามารถเลือกสอบในพื้นที่ที่ต้องการได้ ส่วนการตรวจสอบว่ามีผู้สมัครที่เป็นครูอยู่แล้วมาสมัครสอบด้วยหรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ