สธ. พบผู้ป่วยเข้าข่ายเฝ้าระวังโรคเมอร์ส-โควี 9 ราย ผลตรวจวิเคราะห์เชื้อทางห้องปฏิบัติการยันไม่ใช่เชื้อนี้ 8 ราย ส่วนอีกรายที่เหลือรอลุ้นผลตรวจวันนี้ เตรียมวางระบบเข้ม
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ 2012 หรือ เมอร์ส-โควี นั้น จากรายงานติดตามระบบการเฝ้าระวังโรค มีผู้ป่วยเข้าข่ายเฝ้าระวัง 9 ราย ใน 3 จังหวัด คือ เพชรบุรี ปัตตานี และ กทม. แต่ผลการตรวจวิเคราะห์เชื้อทางห้องปฏิบัติการ พบว่าไม่ใช่เชื้อไวรัสเมอร์ส-โควี 8 ราย ส่วน 1 รายที่เหลือ เป็นหญิงอายุ 68 ปี อยู่ รพ.บำราศนราดูร เบื้องต้นอาการดีขึ้นแล้วไม่รุนแรง คาดว่าผลการวิเคราะห์เชื้อจะออกภายในวันที่ 25 เม.ย. ทั้งนี้ จะได้ประสานให้ สสจ.และทุกโรงพยาบาล ทั้งรัฐและเอกชน เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ลักษณะของผู้ที่ป่วยมีทั้งป่วยก่อนเดินทางเข้าประเทศ และกลับมาป่วยที่ประเทศไทย แต่โดยปกติการเฝ้าระวังจะติดตามอาการหลังจากเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศ 14 วัน โดยจะมีประชาชนเดินทางไปประกอบศาสนพิธีอูมเลาะห์ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในช่วงเดือน เม.ย.- พ.ค. ประมาณ 5,500 คน และช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. อีกรอบ ซึ่งจะได้มีการประสานกับคณะกรรมการอิสลามกลาง และบริษัททัวร์หรือแซะ ที่จะพาประชาชนเดินทางไป เพื่อให้ได้รายชื่อของผู้เดินทางไปทั้งหมด เพื่อวางมาตรการเฝ้าระวังตั้งแต่ข้อปฏิบัติตนเมื่อเดินทางไป โดยพบว่าเชื้อจะติดจากคนสู่คน แต่มักติดในวงแคบ เช่น ในครอบครัวเดียวกัน หรือบุคลากรทางการแพทย์ และติดต่อจากสัตว์สู่คน โดยเฉพาะอูฐ ซึ่งก็พบว่าผู้เสียชีวิตในต่างประเทศบางรายมีประวัติเดินทางไปเที่ยวฟาร์มอูฐด้วย
“สำหรับเชื้อเมอร์ส-โควี พบตั้งแต่เดือน ก.ย. 55 มีผู้ป่วยประมาณ 253 ราย เสียชีวิต 93 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต ร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับโรคไข้หวัดใหญ่ที่แต่ละปีมีผู้ป่วยหลักล้านคน แต่มีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่ามาก ดังนั้น จึงต้องเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงอย่างเข้มข้น ซึ่งตั้งแต่พบโรค ประเทศไทยได้ติดตามประชาชนที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ได้ทั้งหมดและไม่พบผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด” นพ.โอภาส กล่าว
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ 2012 หรือ เมอร์ส-โควี นั้น จากรายงานติดตามระบบการเฝ้าระวังโรค มีผู้ป่วยเข้าข่ายเฝ้าระวัง 9 ราย ใน 3 จังหวัด คือ เพชรบุรี ปัตตานี และ กทม. แต่ผลการตรวจวิเคราะห์เชื้อทางห้องปฏิบัติการ พบว่าไม่ใช่เชื้อไวรัสเมอร์ส-โควี 8 ราย ส่วน 1 รายที่เหลือ เป็นหญิงอายุ 68 ปี อยู่ รพ.บำราศนราดูร เบื้องต้นอาการดีขึ้นแล้วไม่รุนแรง คาดว่าผลการวิเคราะห์เชื้อจะออกภายในวันที่ 25 เม.ย. ทั้งนี้ จะได้ประสานให้ สสจ.และทุกโรงพยาบาล ทั้งรัฐและเอกชน เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ลักษณะของผู้ที่ป่วยมีทั้งป่วยก่อนเดินทางเข้าประเทศ และกลับมาป่วยที่ประเทศไทย แต่โดยปกติการเฝ้าระวังจะติดตามอาการหลังจากเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศ 14 วัน โดยจะมีประชาชนเดินทางไปประกอบศาสนพิธีอูมเลาะห์ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในช่วงเดือน เม.ย.- พ.ค. ประมาณ 5,500 คน และช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. อีกรอบ ซึ่งจะได้มีการประสานกับคณะกรรมการอิสลามกลาง และบริษัททัวร์หรือแซะ ที่จะพาประชาชนเดินทางไป เพื่อให้ได้รายชื่อของผู้เดินทางไปทั้งหมด เพื่อวางมาตรการเฝ้าระวังตั้งแต่ข้อปฏิบัติตนเมื่อเดินทางไป โดยพบว่าเชื้อจะติดจากคนสู่คน แต่มักติดในวงแคบ เช่น ในครอบครัวเดียวกัน หรือบุคลากรทางการแพทย์ และติดต่อจากสัตว์สู่คน โดยเฉพาะอูฐ ซึ่งก็พบว่าผู้เสียชีวิตในต่างประเทศบางรายมีประวัติเดินทางไปเที่ยวฟาร์มอูฐด้วย
“สำหรับเชื้อเมอร์ส-โควี พบตั้งแต่เดือน ก.ย. 55 มีผู้ป่วยประมาณ 253 ราย เสียชีวิต 93 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต ร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับโรคไข้หวัดใหญ่ที่แต่ละปีมีผู้ป่วยหลักล้านคน แต่มีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่ามาก ดังนั้น จึงต้องเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงอย่างเข้มข้น ซึ่งตั้งแต่พบโรค ประเทศไทยได้ติดตามประชาชนที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ได้ทั้งหมดและไม่พบผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด” นพ.โอภาส กล่าว