ดรามาพ่อเด็ก-รพ.แจ้ห่ม! หลังปล่อยภาพแฉ รพ.ไม่มีเจ้าหน้าที่ ห้องฉุกเฉินปิดไฟ ต้องปล่อยลูกชายนอนปวดท้องรอบนพื้น ด้าน สสจ.ลำปางยันแพทย์ฉีดยาลดปวด ให้การดูแลแล้ว แต่พ่อเด็กต้องการไปโรงพยาบาลศูนย์ จึงทำเรื่องส่งตัว ด้าน ผอ.รพ.แจ้ห่ม ระบุ รพ.ศูนย์ลำปางแจ้งเป็นกระเพาะลำไส้อักเสบ ไม่ใช่ไส้ติ่งตามที่พ่อเด็กอ้าง
วันนี้ (27 มี.ค.) นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์กรณีภาพเด็กชายมีอาการปวดท้องรุนแรง ถูกนำส่ง รพ.แจ้ห่ม เวลา 04.00 น. แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และห้องฉุกเฉินปิดไฟหมด จนพ่อต้องปล่อยให้ลูกนอนบนพื้นห้องฉุกเฉิน แล้วบีบแตรเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่มารักษา แต่ได้คำตอบให้รอจนเช้า พ่อเด็กจึงขับรถพาลูกไปส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัด ตรวจพบเป็นไส้ติ่งอักเสบ ต้องได้รับการผ่าตัด จึงเรียกร้องให้ รพ.แจ้ห่ม รับผิดชอบ ว่า หากเป็นจริงถือเป็นปัญหาที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขด่วน โดยมอบให้ผู้ตรวจราชการ สธ.และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ลำปาง สอบข้อเท็จจริงแล้ว เพื่อให้ความกระจ่าง ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน เพราะขณะนี้กระทรวงได้เร่งพัฒนาคุณภาพระบบบริการสถานบริการทุกระดับ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน เข้าถึงสะดวก รวดเร็ว และดีทุกครั้ง ทุกที่
นพ.ศิริชัย ภัทรนุภาพร นพ.สสจ.ลำปาง กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ รพ.แจ้ห่ม เบื้องต้น พบว่า ในวันดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ประกอบด้วย พยาบาล 3 คน ผู้ช่วยเหลือคนไข้ 1 คน และแพทย์เวรประจำ 1 คน จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล พบว่า เวลา 04.44 น.วันที่ 25 มี.ค.มีรถยนต์จอดที่หน้าตึกโรงพยาบาลจริง โดยบิดาได้พาบุตรชายไปที่ห้องฉุกเฉิน ขณะนั้นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลปฏิบัติงานอยู่ในห้องเวชระเบียนที่ตึกอำนวยการ ซึ่งอยู่ตรงข้ามห้องฉุกเฉิน ประมาณ 5 นาทีต่อมา พยาบาลได้ยินเสียงแตรรถจึงไปให้บริการที่ห้องฉุกเฉิน พบเด็กชายนั่งรอที่เก้าอี้ และแพทย์เวรตรวจรักษาเด็กชายในเวลา 05.01 น.ซักประวัติพบว่า เด็กมีอาการปวดแน่นท้องมา 9 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล ไม่มีไข้ ชีพจรปกติ มีอาเจียนเป็นเศษอาหารเล็กน้อย ไม่มีอาการถ่ายเหลว แพทย์ได้ฉีดยาลดอาการปวด แนะนำให้รอสังเกตอาการที่โรงพยาบาล และวางแผนตรวจทางห้องปฏิบัติการในตอนเช้า เพื่อนำผลมาประกอบการวินิจฉัย แต่บิดาต้องการไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์ลำปาง จึงทำเรื่องส่งตัวและประวัติการรักษาผ่านระบบออนไลน์ไปให้ รพ.ศูนย์ลำปาง เพื่อตรวจรักษากับผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วต่อไป
ด้าน นพ.วรินทร์เทพ เชื้อสำราญ ผอ.รพ.แจ้ห่ม กล่าวว่า รพ.แจ้ห่มเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 60 เตียง การปฏิบัติงานนอกเวลาช่วงกลางคืน จะใช้เจ้าหน้าที่แพทย์เวร พยาบาลเวร ร่วมกันในการดูแลห้องคลอด ห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ทำให้เมื่อมีผู้ไปรับบริการ ไม่พบเจ้าหน้าที่อยู่ในห้อง จึงอาจเกิดความเข้าใจผิดได้ ซึ่งที่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินจะมีกริ่งให้ผู้ใช้บริการ สามารถกดเรียกเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในส่วนอื่นได้ อย่างไรก็ตาม จะเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ให้ติดตามดูแลผู้ที่เข้ามารับบริการในโรงพยาบาลให้มากขึ้น
นพ.วรินทร์เทพ กล่าวว่า อาการปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน เป็นอาการแสดงของโรคทางระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมีหลายโรค มีอาการเริ่มต้นคล้ายคลึงกัน เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคลำไส้อักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์จะวินิจฉัยแยกโรคจากการสังเกตอาการแสดง และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งจากการติดตามสอบถามอาการจากแพทย์ศัลยกรรมเด็กที่ดูแลเด็กชายดังกล่าวที่ รพ.ศูนย์ลำปาง พบว่าป่วยเป็นโรคกระเพาะลำไส้อักเสบ ไม่ใช่ไส้ติ่งอักเสบ และอาการดีขึ้นเป็นลำดับ แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว
วันนี้ (27 มี.ค.) นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์กรณีภาพเด็กชายมีอาการปวดท้องรุนแรง ถูกนำส่ง รพ.แจ้ห่ม เวลา 04.00 น. แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และห้องฉุกเฉินปิดไฟหมด จนพ่อต้องปล่อยให้ลูกนอนบนพื้นห้องฉุกเฉิน แล้วบีบแตรเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่มารักษา แต่ได้คำตอบให้รอจนเช้า พ่อเด็กจึงขับรถพาลูกไปส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัด ตรวจพบเป็นไส้ติ่งอักเสบ ต้องได้รับการผ่าตัด จึงเรียกร้องให้ รพ.แจ้ห่ม รับผิดชอบ ว่า หากเป็นจริงถือเป็นปัญหาที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขด่วน โดยมอบให้ผู้ตรวจราชการ สธ.และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ลำปาง สอบข้อเท็จจริงแล้ว เพื่อให้ความกระจ่าง ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน เพราะขณะนี้กระทรวงได้เร่งพัฒนาคุณภาพระบบบริการสถานบริการทุกระดับ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน เข้าถึงสะดวก รวดเร็ว และดีทุกครั้ง ทุกที่
นพ.ศิริชัย ภัทรนุภาพร นพ.สสจ.ลำปาง กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ รพ.แจ้ห่ม เบื้องต้น พบว่า ในวันดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ประกอบด้วย พยาบาล 3 คน ผู้ช่วยเหลือคนไข้ 1 คน และแพทย์เวรประจำ 1 คน จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล พบว่า เวลา 04.44 น.วันที่ 25 มี.ค.มีรถยนต์จอดที่หน้าตึกโรงพยาบาลจริง โดยบิดาได้พาบุตรชายไปที่ห้องฉุกเฉิน ขณะนั้นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลปฏิบัติงานอยู่ในห้องเวชระเบียนที่ตึกอำนวยการ ซึ่งอยู่ตรงข้ามห้องฉุกเฉิน ประมาณ 5 นาทีต่อมา พยาบาลได้ยินเสียงแตรรถจึงไปให้บริการที่ห้องฉุกเฉิน พบเด็กชายนั่งรอที่เก้าอี้ และแพทย์เวรตรวจรักษาเด็กชายในเวลา 05.01 น.ซักประวัติพบว่า เด็กมีอาการปวดแน่นท้องมา 9 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล ไม่มีไข้ ชีพจรปกติ มีอาเจียนเป็นเศษอาหารเล็กน้อย ไม่มีอาการถ่ายเหลว แพทย์ได้ฉีดยาลดอาการปวด แนะนำให้รอสังเกตอาการที่โรงพยาบาล และวางแผนตรวจทางห้องปฏิบัติการในตอนเช้า เพื่อนำผลมาประกอบการวินิจฉัย แต่บิดาต้องการไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์ลำปาง จึงทำเรื่องส่งตัวและประวัติการรักษาผ่านระบบออนไลน์ไปให้ รพ.ศูนย์ลำปาง เพื่อตรวจรักษากับผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วต่อไป
ด้าน นพ.วรินทร์เทพ เชื้อสำราญ ผอ.รพ.แจ้ห่ม กล่าวว่า รพ.แจ้ห่มเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 60 เตียง การปฏิบัติงานนอกเวลาช่วงกลางคืน จะใช้เจ้าหน้าที่แพทย์เวร พยาบาลเวร ร่วมกันในการดูแลห้องคลอด ห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ทำให้เมื่อมีผู้ไปรับบริการ ไม่พบเจ้าหน้าที่อยู่ในห้อง จึงอาจเกิดความเข้าใจผิดได้ ซึ่งที่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินจะมีกริ่งให้ผู้ใช้บริการ สามารถกดเรียกเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในส่วนอื่นได้ อย่างไรก็ตาม จะเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ให้ติดตามดูแลผู้ที่เข้ามารับบริการในโรงพยาบาลให้มากขึ้น
นพ.วรินทร์เทพ กล่าวว่า อาการปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน เป็นอาการแสดงของโรคทางระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมีหลายโรค มีอาการเริ่มต้นคล้ายคลึงกัน เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคลำไส้อักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์จะวินิจฉัยแยกโรคจากการสังเกตอาการแสดง และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งจากการติดตามสอบถามอาการจากแพทย์ศัลยกรรมเด็กที่ดูแลเด็กชายดังกล่าวที่ รพ.ศูนย์ลำปาง พบว่าป่วยเป็นโรคกระเพาะลำไส้อักเสบ ไม่ใช่ไส้ติ่งอักเสบ และอาการดีขึ้นเป็นลำดับ แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว