“หมอประดิษฐ” โพสต์เฟซบุ๊กอ้างฐานะคนเรียนจบแพทย์และเคยทำงานตรวจรักษาเช่นกัน ตำหนิการแสดงความเห็นทางการเมืองในโรงพยาบาลของบุคลากรทางการแพทย์ ชี้อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง กระทบบริการประชาชน ผู้ป่วยไม่วางใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม ขอทุกฝ่ายเคารพสิทธิและเสรีภาพ ยันพร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณวิชาชีพ
วันนี้ (9 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจของ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในชื่อ “นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ P.Sintavanarong” ได้โพสต์ข้อความเมื่อประมาณ 11.00 น.มีใจความโดยสรุปว่า ตนในฐานะ รมว.สาธารณสุข และเรียนจบด้านแพทย์และเคยประกอบวิชาชีพทางการแพทย์รู้สึกไม่สบายใจและเสียใจกับกรณีการแสดงออกทางการเมืองของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกรูปแบบ จนทำให้บุคลากรอีกกลุ่มอย่าง กลุ่ม อสม.ออกคัดค้าน ทั้งนี้ โรงพยาบาลเป็นสถานที่ให้บริการประชาชน ดูแลรักษาความเจ็บไข้ บุคลากรสาธารณสุขต้องดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่คำนึงถึงความต่างทั้งเชื้อชาติ ศาสนา และความเห็นต่างทางการเมือง การแสดงออกเช่นนี้จะนำไปสู่ความรุนแรง และประชาชนที่มารับบริการไม่สบายใจ ไม่วางใจว่าจะได้รับบริการอย่างเท่าเทียม อยากขอให้ทุกคนเข้าใจว่า การแสดงออกถึงจุดยืนที่แตกต่างเป็นสิ่งที่กระทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย โดยเคารพซึ่งสิทธิและเสรีภาพ การให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีมนุษยธรรมและเมตตาธรรม ไม่กระทบต่อการให้บริการต่อประชาชน ตนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อให้สิ่งที่กล่าวนั้นเป็นจริง และเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขทุกคน
“ตามที่มีการแสดงข้อคิดเห็นทางการเมืองของกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในรูปแบบต่างๆ ทั้งแถลงการณ์ การรวบรวมรายชื่อ หรือชักชวนเข้าร่วมการประท้วง และการแขวนป้ายแสดงข้อคิดเห็นต่างๆ ในหรือบริเวณโรงพยาบาล และสถานพยาบาลต่างๆ ซึ่งทำให้มีกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอีกกลุ่มหนึ่ง ตลอดจนมีประชาชนที่เป็นแนวร่วมด้านงานสาธารณสุข เช่น กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) หรือแม้กระทั่งสาธารณชน นักวิชาการทั่วไปที่อยู่นอกวงสาธารณสุข ออกมาคัดค้านการกระทำดังกล่าว
ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่เรียนจบแพทย์ศาสตร์และเคยประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ รู้สึกไม่สบายใจและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะโรงพยาบาลและสถานพยาบาลนั้น เป็นสถานที่ให้บริการประชาชน ดูแลรักษาความเจ็บไข้ เป็นที่พึ่งพาของประชาชนทุกคน บุคลากรสาธารณสุขทุกคนย่อมมีหน้าที่และจิตสำนึกที่ต้องดูแลมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา หรือความคิดเห็นที่แตกต่าง ในขณะที่การแสดงออกทางการเมืองที่แตกต่างขัดแย้งจนอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้จะทำให้เกิดความไม่สบายใจต่อประชาชนผู้มารับการรักษา และความไม่ไว้วางใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่
ผมต้องการเห็นการรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณของวิชาชีพ ต้องการเห็นการให้บริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพและเท่าเทียมกัน ดังนั้น ผมจึงอยากขอให้ทุกคนเข้าใจว่า การแสดงออกถึงจุดยืนที่แตกต่างนั้นเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย และเป็นความสวยงามยิ่งหากการแสดงนั้น เคารพซึ่งสิทธิและเสรีภาพ การให้เกียรติซึ่งกันและกันตามหลักความมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน และตามวิถีทางที่ชอบที่ควร มีมนุษยธรรมและเมตตาธรรม ไม่กระทบต่อการให้บริการต่อประชาชนทุกคน ผมพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อให้สิ่งที่ผมกล่าวนั้นเป็นจริง และเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขทุกคนครับ”
วันนี้ (9 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจของ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในชื่อ “นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ P.Sintavanarong” ได้โพสต์ข้อความเมื่อประมาณ 11.00 น.มีใจความโดยสรุปว่า ตนในฐานะ รมว.สาธารณสุข และเรียนจบด้านแพทย์และเคยประกอบวิชาชีพทางการแพทย์รู้สึกไม่สบายใจและเสียใจกับกรณีการแสดงออกทางการเมืองของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกรูปแบบ จนทำให้บุคลากรอีกกลุ่มอย่าง กลุ่ม อสม.ออกคัดค้าน ทั้งนี้ โรงพยาบาลเป็นสถานที่ให้บริการประชาชน ดูแลรักษาความเจ็บไข้ บุคลากรสาธารณสุขต้องดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่คำนึงถึงความต่างทั้งเชื้อชาติ ศาสนา และความเห็นต่างทางการเมือง การแสดงออกเช่นนี้จะนำไปสู่ความรุนแรง และประชาชนที่มารับบริการไม่สบายใจ ไม่วางใจว่าจะได้รับบริการอย่างเท่าเทียม อยากขอให้ทุกคนเข้าใจว่า การแสดงออกถึงจุดยืนที่แตกต่างเป็นสิ่งที่กระทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย โดยเคารพซึ่งสิทธิและเสรีภาพ การให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีมนุษยธรรมและเมตตาธรรม ไม่กระทบต่อการให้บริการต่อประชาชน ตนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อให้สิ่งที่กล่าวนั้นเป็นจริง และเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขทุกคน
“ตามที่มีการแสดงข้อคิดเห็นทางการเมืองของกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในรูปแบบต่างๆ ทั้งแถลงการณ์ การรวบรวมรายชื่อ หรือชักชวนเข้าร่วมการประท้วง และการแขวนป้ายแสดงข้อคิดเห็นต่างๆ ในหรือบริเวณโรงพยาบาล และสถานพยาบาลต่างๆ ซึ่งทำให้มีกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอีกกลุ่มหนึ่ง ตลอดจนมีประชาชนที่เป็นแนวร่วมด้านงานสาธารณสุข เช่น กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) หรือแม้กระทั่งสาธารณชน นักวิชาการทั่วไปที่อยู่นอกวงสาธารณสุข ออกมาคัดค้านการกระทำดังกล่าว
ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่เรียนจบแพทย์ศาสตร์และเคยประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ รู้สึกไม่สบายใจและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะโรงพยาบาลและสถานพยาบาลนั้น เป็นสถานที่ให้บริการประชาชน ดูแลรักษาความเจ็บไข้ เป็นที่พึ่งพาของประชาชนทุกคน บุคลากรสาธารณสุขทุกคนย่อมมีหน้าที่และจิตสำนึกที่ต้องดูแลมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา หรือความคิดเห็นที่แตกต่าง ในขณะที่การแสดงออกทางการเมืองที่แตกต่างขัดแย้งจนอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้จะทำให้เกิดความไม่สบายใจต่อประชาชนผู้มารับการรักษา และความไม่ไว้วางใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่
ผมต้องการเห็นการรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณของวิชาชีพ ต้องการเห็นการให้บริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพและเท่าเทียมกัน ดังนั้น ผมจึงอยากขอให้ทุกคนเข้าใจว่า การแสดงออกถึงจุดยืนที่แตกต่างนั้นเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย และเป็นความสวยงามยิ่งหากการแสดงนั้น เคารพซึ่งสิทธิและเสรีภาพ การให้เกียรติซึ่งกันและกันตามหลักความมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน และตามวิถีทางที่ชอบที่ควร มีมนุษยธรรมและเมตตาธรรม ไม่กระทบต่อการให้บริการต่อประชาชนทุกคน ผมพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อให้สิ่งที่ผมกล่าวนั้นเป็นจริง และเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขทุกคนครับ”