สธ.ลุยยกระดับทำงานแบบ ป.ป.ช.ตั้งศูนย์ต่อต้านทุจริต หวังปลุกข้าราชการร่วมตรวจสอบคอร์รัปชันทุกขั้นตอนการทำงาน ระบุเป็นกระทรวงมีงบประมาณเยอะ แต่ยังขาดกลไกตรวจสอบการใช้อำนาจ เอื้อทุจริตง่าย หวังเป็นต้นแบบองค์กรอื่นในการเริ่มทำให้เกิดความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน
วันนี้ (5 มี.ค.) ที่โรงแรมริชมอนด์ นพ.ทรงยศ ชัยชนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเปิดโครงการประชุมปฏิบัติการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและปรามปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการส่งเสริมคุ้มครองจริยธรรม กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2557-2560 ว่า ที่ผ่านมากลไกการบริหารนั้นแม้จะมีหน่วยงานพิจารณาควบคุมทางวินัยข้าราชการ แต่กลไกการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายังคงรอการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ซึ่ง สธ.ถือเป็นกระทรวงหลักที่มีงบประมาณจำนวนมาก และเกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพหลายส่วน ทำให้มีช่องทางทุจริตประพฤติมิชอบได้ง่าย จึงต้องเน้นกลไกตรวจสอบการใช้อำนาจ โดยเฉพาะระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทยที่ยังคงเกิดขึ้น จนนำไปสู่การประพฤติมิชอบของบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการเบิกจ่าย จัดซื้อยา เวชภัณฑ์ งบสนับสนุนกองทุนสุขภาพของประชาชน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการให้บริการโดยตรง
นพ.ทรงยศ กล่าวว่า ศูนย์ฯดังกล่าวจึงตั้งขึ้นเพื่อช่วยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนงานในการทำงาน รวมถึงการติดตามผลว่า ในแต่ละกรม จังหวัด โรงพยาบาล เป็นอย่างไร ซึ่งอาจต้องมีการสร้างตัวชี้วัดว่า ถ้าทำงานโดยสุจริตประสิทธิภาพของงานต้องดีขึ้น ซึ่งจะเน้นสร้างการมีส่วนร่วมและสอดส่องไม่ให้เกิดการทุจริตในการทำงาน โดยการปลุกให้ข้าราชการร่วมกันตรวจสอบการทุจริต ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดจำนวนการทุจริตลง ภายใต้การตรวจสอบของเครือข่ายแต่ละองค์กร และทำเป็นวัฒนธรรมใหม่ คล้ายสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจากนี้ตั้งเป้าการดำเนินการโดยอาศัยการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน โดยเน้น 2 กลไกสำคัญ คือการป้องกันเชิงบริหารผ่านผู้ตรวจราชการ โดยแต่ละกรมจัดตั้งศูนย์ฯ ในหน่วยงานสาธารณสุขแต่ละจังหวัด รวมถึงกลไกขับเคลื่อนร่วมกันกับภาคประชาสังคมในการร่วมกันติดตามป้องกันปัญหาทุจริต ประพฤติมิชอบอย่างจริงจัง
“อย่างไรก็ตาม การป้องกันปราบปรามการทุจริตเป็นหน้าที่ของหน่วยราชการทุกแห่ง ที่มีการปฏิบัติอยู่แล้ว แต่ศูนย์ฯนี้จะมาเป็นตัวทำให้เกิดยุทธศาสตร์ เนื่องจากเห็นว่าการทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นเรื่องที่กว้าง จึงต้องมีการจัดการเป็นกระบวนการ โดยต้องเริ่มจาก สธ.ที่จะทำให้เกิดความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ” นพ.ทรงยศ กล่าว
วันนี้ (5 มี.ค.) ที่โรงแรมริชมอนด์ นพ.ทรงยศ ชัยชนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเปิดโครงการประชุมปฏิบัติการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและปรามปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการส่งเสริมคุ้มครองจริยธรรม กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2557-2560 ว่า ที่ผ่านมากลไกการบริหารนั้นแม้จะมีหน่วยงานพิจารณาควบคุมทางวินัยข้าราชการ แต่กลไกการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายังคงรอการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ซึ่ง สธ.ถือเป็นกระทรวงหลักที่มีงบประมาณจำนวนมาก และเกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพหลายส่วน ทำให้มีช่องทางทุจริตประพฤติมิชอบได้ง่าย จึงต้องเน้นกลไกตรวจสอบการใช้อำนาจ โดยเฉพาะระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทยที่ยังคงเกิดขึ้น จนนำไปสู่การประพฤติมิชอบของบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการเบิกจ่าย จัดซื้อยา เวชภัณฑ์ งบสนับสนุนกองทุนสุขภาพของประชาชน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการให้บริการโดยตรง
นพ.ทรงยศ กล่าวว่า ศูนย์ฯดังกล่าวจึงตั้งขึ้นเพื่อช่วยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนงานในการทำงาน รวมถึงการติดตามผลว่า ในแต่ละกรม จังหวัด โรงพยาบาล เป็นอย่างไร ซึ่งอาจต้องมีการสร้างตัวชี้วัดว่า ถ้าทำงานโดยสุจริตประสิทธิภาพของงานต้องดีขึ้น ซึ่งจะเน้นสร้างการมีส่วนร่วมและสอดส่องไม่ให้เกิดการทุจริตในการทำงาน โดยการปลุกให้ข้าราชการร่วมกันตรวจสอบการทุจริต ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดจำนวนการทุจริตลง ภายใต้การตรวจสอบของเครือข่ายแต่ละองค์กร และทำเป็นวัฒนธรรมใหม่ คล้ายสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจากนี้ตั้งเป้าการดำเนินการโดยอาศัยการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน โดยเน้น 2 กลไกสำคัญ คือการป้องกันเชิงบริหารผ่านผู้ตรวจราชการ โดยแต่ละกรมจัดตั้งศูนย์ฯ ในหน่วยงานสาธารณสุขแต่ละจังหวัด รวมถึงกลไกขับเคลื่อนร่วมกันกับภาคประชาสังคมในการร่วมกันติดตามป้องกันปัญหาทุจริต ประพฤติมิชอบอย่างจริงจัง
“อย่างไรก็ตาม การป้องกันปราบปรามการทุจริตเป็นหน้าที่ของหน่วยราชการทุกแห่ง ที่มีการปฏิบัติอยู่แล้ว แต่ศูนย์ฯนี้จะมาเป็นตัวทำให้เกิดยุทธศาสตร์ เนื่องจากเห็นว่าการทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นเรื่องที่กว้าง จึงต้องมีการจัดการเป็นกระบวนการ โดยต้องเริ่มจาก สธ.ที่จะทำให้เกิดความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ” นพ.ทรงยศ กล่าว