xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นปะทะเลือกตั้งล่วงหน้า สธ.จัดทีมกู้ชีพดูแลใกล้ชิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สธ.หวั่นเหตุปะทะบริเวณหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า จัดทีมกู้ชีพดูแลใกล้ชิด พร้อมส่งทีมจากสถาบันประสาทฯ และ รพ.สงฆ์ ดูแลผู้ชุมนุม กปปส.เวทีราชประสงค์ที่เดินขบวน ยอดเจ็บสะสมตั้งแต่ 30 พ.ย.พบสูง 564 ราย ตาย 9 ราย รักษาตัวอยู่ 19 ราย อาการดีขึ้นทุกราย ไม่มีรายใดอยู่ไอ.ซี.ยู.แล้ว
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
วันนี้ (25 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.50 น. ที่โรงพยาบาลสงฆ์ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวภายหลังประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชุมนุมทางการเมือง (ส่วนหน้า) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า การเตรียมความพร้อมรับมือเหตุการณ์ปะทะที่อาจเกิดขึ้นในวันที่ 26 ม.ค. ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้านั้น ในพื้นที่ กทม.ทั้ง 50 เขต ได้มีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบดูแล ซึ่งส่วนใหญ่หน่วยเลือกตั้งจะอยู่ที่สำนักงานเขตอยู่แล้ว สำหรับหน่วยเลือกตั้งนอกสำนักงานเขตนั้น กรมการแพทย์รับผิดชอบดูแลทั้งหมด 7 จุด แบ่งเป็นหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง 5 จุด คือ 1.เขตสาทร อยู่ที่ศูนย์กีฬาสำนักงานเขตสาทร ทุ่งมหาเมฆ 2.เขตดุสิต บริเวณโรงเรียนสุโขทัย 3.เขตพญาไท บริเวณกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ใกล้สถานีบีทีเอสอารีย์ 4.เขตจตุจักร บริเวณที่ว่างท้ายซอยวิภาวดี 36 และ 5.เขตบางเขน บริเวณสำนักงานเขตและโรงเรียนประชาภิบาล และหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง 2 จุด คือ 1.เขตลาดพร้าว เต็นท์บริเวณตลาดนัดผู้ใหญ่อ้วน ซอยนาคนิวาส 6 และ 2.เขตจตุจักร บริเวณโรงเรียนเซนต์จอห์นโปลีเทคนิค

นพ.สุพรรณ กล่าวอีกว่า การดำเนินการดูแลจะมีทีมกู้ชีพพื้นฐานของมูลนิธิร่วมกตัญญูและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งประจำแต่ละจุด โดยมีทีมกู้ชีพชั้นสูงแบ่งพื้นที่ดูแล 4 ทีม คือ ทีมจาก จ.ระนอง ระยอง ตราด และชัยภูมิ โดยมีทีมกู้ชีพชั้นสูงสำรองไว้อีก 6 ทีมจาก รพ.ราชวิถี รพ.รามาธิบดี และ รพ.นพรัตน์ราชธานี สำหรับการเดินขบวนของกลุ่ม กปปส.ก็แบ่งพื้นที่ดูแลตามปกติ โดยวันนี้จะมีทีมของ รพ.สงฆ์ และสถาบันประสาทวิทยา ให้การดูแล

ด้าน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ส่วนหน้า กล่าวว่า การแบ่งพื้นที่ดูแลเหตุปะทะในวันเลือกตั้งล่วงหน้า กรมการแพทย์ สธ.ยังได้รับผิดชอบในพื้นที่เดิมคือตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวลงมาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และแยกราชเทวี ซึ่งจะมีการเตรียมทีมกู้ชีพชั้นสูงเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนการเคลื่อนไหวของ กปปส.ในวันนี้เท่าที่ทราบจะมีการเดินขบวนจากเวทีราชประสงค์ผ่านมาบริเวณพื้นที่ที่กรมการแพทย์รับผิดชอบ ก็จะมีทีมจากสถาบันประสาทวิทยาดูแลบริเวณแยกราชเทวี และทีมจาก รพ.สงฆ์ ดูแลบริเวณแยกพญาไท โดยมีทีมกู้ชีพชั้นสูงจาก จ.ตราด ร่วมกับทีมกู้ชีพพื้นฐานจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ติดตามสถานการณ์อยู่ที่บริเวรประตูน้ำ

นพ.สมเกียรติ เกษมธรรมคุณ หัวหน้ากลุ่มงานอุบัติเหตุ รพ.สงฆ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ขึ้น 2 เหตุการณ์คือ 1.เมื่อเวลา 16.00 น.บริเวณห้าแยกลาดพร้าว มีเสียงประทัดยักษ์ดังขึ้น ทำให้การ์ดตกใจวิ่งชนราวสะพาน พบศีรษะแตก ได้นำส่ง รพ.เมโย ซึ่งได้ทำการเย็บแผลและกลับบ้านได้แล้ว และ 2.เวลา 02.00 น. บริเวณที่กลับรถใกล้ศูนย์วัฒนธรรมใกล้เวทีอโศก พบถูกยิง 1 ราย แต่ผู้ป่วยได้ขึ้นแท็กซี่ไปรักษาที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ ซึ่งทางโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม สำหรับยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2556 มีทั้งสิ้น 274 ราย ยังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 17 ราย เสียชีวิต 4 ราย ส่วนยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. มีทั้งสิ้น 564 ราย พักรักษาตัวยในโรงพยาบาล 19 ราย เสียชีวิต 9 ราย ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่ยักพักรักษาในโรงพยาบาลไม่มีรายใดต้องอยู่ห้องไอ.ซี.ยู.แล้ว อาการดีขึ้นทุกราย

วันเดียวกัน เวลา 14.00 น. นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มอบหมายให้ นพ.สุเทพ วัชรปิยนันทน์ ผู้ช่วยปลัด สธ.ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด 25 จังหวัด และศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัยด้านการแพทย์และการสาธารณสุข กรณีชุมนุมทางการเมือง (ส่วนหน้า) ที่ รพ.สงฆ์

ทั้งนี้ นพ.สุเทพ กล่าวว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศจึงได้ มอบหมายให้สื่อสารกับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศ เรื่อง การเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยสถานบริการและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งทีมกู้ชีพที่ออกปฏิบัติการในการช่วยเหลือผู้ป่วย สืบเนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน 2 จังหวัด คือ จังหวัดขอนแก่นและนครปฐม จากความคิดเห็นที่แตกต่างกัน อาจมีการเผชิญหน้ากันเกิดขึ้น และ มีแนวโน้มรุนแรง ขอให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดสอดส่องดูแลออกเยี่ยมให้กำลังใจโรงพยาบาลในพื้นที่อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่สุ่มเสี่ยงเกิดการปิดล้อมของมวลชน

นพ.สุเทพ กล่าวอีกว่า ขอให้สถานบริการทุกแห่ง มีกฎความปลอดภัยทั้งในสถานที่ทำงาน ในโรงพยาบาล อาคารบ้านพัก มีการเตรียมเรื่องเส้นทางเข้าออก การกวดขันเส้นทางเข้าออก ในเวลาและนอกเวลาราชการ ติดตั้งกล้องวงจรปิด และตรวจสอบให้ใช้งาน เตรียมระบบการสื่อสาร จัดเวรยามดูแลในจุดเสี่ยง และขอให้มีการซักซ้อมทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ เตรียมรับสถานการณ์หาก มีความจำเป็นเผชิญเหตุ มีระบบการประสานงานหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และเตรียมวางแผนการเจรจา ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะได้มีหนังสือเวียนแจ้งแนวทางปฏิบัติ ส่งไปสถานบริการทั่วประเทศ ในเบื้องต้นขอให้ทุกจังหวัดเตรียมการให้พร้อม เพื่อให้สามารถเปิดบริการประชาชนได้ตามปกติ


กำลังโหลดความคิดเห็น