สธ.สำรองรถสื่อสารเฉพาะกิจด้านการแพทย์ เผื่อเหตุฉุกเฉินการสื่อสารล่ม ฟุ้งใช้การได้กับไฟฟ้าทุกระบบ ติดต่อทุกหน่วยงานได้ในรัศมี 50 กิโลเมตร เผย อภ.มอบหน้ากากอนามัย 30,000 ชิ้น และเจลล้างมือช่วยดูแลผู้ชุมนุม
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่โรงพยาบาลสงฆ์ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีการชุมนุมทางการเมือง (ส่วนหน้า) ว่า ผลการปฏิบัติงานของทีมแพทย์ฉุกเฉินเป็นที่น่าพอใจ สำหรับแผนปฏิบัติการในวันที่ 16 ม.ค.ได้คงทีมแพทย์ฉุกเฉินทั้งระดับสูงและหน่วยปฐมพยาบาลจากโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ รพ.รามาธิบดี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิกู้ชีพร่มไทร และมูลนิธิราชพฤกษ์หนองจอก และทีมจาก รพ.พหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี รพ.สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี รพ.กาฬสินธุ์ รพ.สุรินทร์ รวมประมาณ 30 ทีม ดูแลพื้นที่ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าว จนถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และที่ สธ.จ.นนทบุรี ตลอด 24 ชั่วโมง
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า สธ.ได้สำรองระบบการสื่อสารกรณีที่ระบบการสื่อสารปกติไม่สามารถใช้การได้ โดยเตรียมพร้อมรถสื่อสารเฉพาะกิจด้านการแพทย์ (Emergency Medical Communication Mobile Unit ) ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ 1 คัน ซึ่งรถดังกล่าวสามารถใช้การได้กับไฟฟ้าทุกระบบ สื่อสารติดต่อได้ทุกหน่วยงานในรัศมี 50 กิโลเมตร เพื่อให้ระบบการแพทย์สามารถดำเนินการได้อย่างคล่องตัว
“นอกจากภารกิจด้านการรักษาพยาบาลแล้ว สธ.ยังสนับสนุนยาและเวชภัณฑ์ให้โรงพยาบาลสนามที่เข้ามาดูแลในจุดชุมนุมและติดตามขบวนผู้ชุมนุม ยาที่ใช้บ่อย ได้แก่ ยาแก้ปวด ลดไข้ ยาแก้ไอ ยาแก้ไข้หวัด แอมโมเนีย และวันที่ 16 ม.ค.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้มอบหน้ากากอนามัย จำนวน 30,000 ชิ้น และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือด้วย เพื่อนำไปแจกให้กับประชาชนเพื่อป้องกันโรค และได้ให้โรงพยาบาล 8 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครปฐม ราชบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ชลบุรี และฉะเชิงเทรา สำรองเตียงผู้ป่วย ห้องผ่าตัด เลือด ออกซิเจน ทีมกู้ชีพ รับย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้บาดเจ็บจากการชุมนุม หากเกิดเหตุรุนแรงไม่สามารถส่งต่อโรงพยาบาลใน กทม.ได้ ซึ่งทุกแห่งมีความพร้อม มีเตียงสำรองกว่า 300 เตียง” ปลัด สธ.กล่าว
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่โรงพยาบาลสงฆ์ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีการชุมนุมทางการเมือง (ส่วนหน้า) ว่า ผลการปฏิบัติงานของทีมแพทย์ฉุกเฉินเป็นที่น่าพอใจ สำหรับแผนปฏิบัติการในวันที่ 16 ม.ค.ได้คงทีมแพทย์ฉุกเฉินทั้งระดับสูงและหน่วยปฐมพยาบาลจากโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ รพ.รามาธิบดี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิกู้ชีพร่มไทร และมูลนิธิราชพฤกษ์หนองจอก และทีมจาก รพ.พหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี รพ.สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี รพ.กาฬสินธุ์ รพ.สุรินทร์ รวมประมาณ 30 ทีม ดูแลพื้นที่ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าว จนถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และที่ สธ.จ.นนทบุรี ตลอด 24 ชั่วโมง
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า สธ.ได้สำรองระบบการสื่อสารกรณีที่ระบบการสื่อสารปกติไม่สามารถใช้การได้ โดยเตรียมพร้อมรถสื่อสารเฉพาะกิจด้านการแพทย์ (Emergency Medical Communication Mobile Unit ) ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ 1 คัน ซึ่งรถดังกล่าวสามารถใช้การได้กับไฟฟ้าทุกระบบ สื่อสารติดต่อได้ทุกหน่วยงานในรัศมี 50 กิโลเมตร เพื่อให้ระบบการแพทย์สามารถดำเนินการได้อย่างคล่องตัว
“นอกจากภารกิจด้านการรักษาพยาบาลแล้ว สธ.ยังสนับสนุนยาและเวชภัณฑ์ให้โรงพยาบาลสนามที่เข้ามาดูแลในจุดชุมนุมและติดตามขบวนผู้ชุมนุม ยาที่ใช้บ่อย ได้แก่ ยาแก้ปวด ลดไข้ ยาแก้ไอ ยาแก้ไข้หวัด แอมโมเนีย และวันที่ 16 ม.ค.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้มอบหน้ากากอนามัย จำนวน 30,000 ชิ้น และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือด้วย เพื่อนำไปแจกให้กับประชาชนเพื่อป้องกันโรค และได้ให้โรงพยาบาล 8 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครปฐม ราชบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ชลบุรี และฉะเชิงเทรา สำรองเตียงผู้ป่วย ห้องผ่าตัด เลือด ออกซิเจน ทีมกู้ชีพ รับย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้บาดเจ็บจากการชุมนุม หากเกิดเหตุรุนแรงไม่สามารถส่งต่อโรงพยาบาลใน กทม.ได้ ซึ่งทุกแห่งมีความพร้อม มีเตียงสำรองกว่า 300 เตียง” ปลัด สธ.กล่าว