“เฉลิม” โผล่แถลงข่าวหลังหัวหดหลบม็อบ กปปส.บุกล้อม ก.แรงงาน ส่งรอง ผบช.น.รับหน้าอ้างไม่อยู่กระทรวง โครงสร้าง ศรส.จะชัดเจนวันที่ 27 ม.ค.นี้ โดยทำงานยึดหลัก 5 ข้อ ชี้นายกฯ สั่งห้ามสลายการชุมนุมและห้ามใช้กำลังและอาวุธ เอ็ม 16 อาก้า และปืนเอสเค และไม่สลายม็อบช่วงกลางคืน พร้อมชูคอนเซ็ปต์ PEACE FOR BANGKOK ซึ่งจะเริ่มส่งทีม ศรส.ไปเจรจาแกนนำ กปปส.ขอคืนพื้นที่ศูนย์ราชการ พร้อมเตือนผู้ชุมนุมการร่วมชุมนุมผิด พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนกรณี “ขวัญชัย” ถูกยิงคาดเป็นเรื่องการเมืองไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
เมื่อวันนี้ (22 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.50 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชุมพล จุลใส แกนนำ กปปส.นำขบวนผู้ชุมนุมเดินทางมาปิดล้อมกระทรวงแรงงาน เพื่อไม่ให้มีการจัดประชุมของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน เป็นผู้อำนวยการ ศรส.พร้อมกดดันให้ส่งตัวแทนมาเจรจา จนกระทั่งเวลา 16.00 น. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ได้ออกมาเจรจากับผู้ชุมนุม พร้อมยืนยันว่า รถที่จอดอยู่ภายในบริเวณกระทรวงนั้นเป็นรถของตนเอง ไม่ใช่รถของ ร.ต.อ. เฉลิม โดย ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้อยู่ภายในกระทรวงแต่อย่างใด และก็ไม่มีการประชุม ศรส.เช่นกัน ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาประจำภายในกระทรวงก็เพื่อมาดูแลพื้นที่เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับฟังคำชี้แจงจาก พล.ต.ต.ฐิติราช ได้ทยอยเดินทางออกจากพื้นที่กระทรวงเพื่อกลับไปยังเวที ขณะที่ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนที่ยังคงคอยสังเกตการณ์บริเวณด้านหน้ากระทรวง เพราะเกรงว่าจะเป็นการหลอกลวงให้ผู้ชุมนุมออกไปจากพื้นที่ และทันทีที่กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกไป ตำรวจผู้ติดตาม ร.ต.อ.เฉลิม ได้เดินเข้ามาแจ้งแก่กลุ่มผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะแถลงข่าว
จากนั้นเวลา 16.30 น.ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปประชุม ศรส.ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่มาประชุมที่กระทรวงแรงงาน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังตามมาอีก ก็อยากให้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะกลุ่ม กปปส.มาปิดล้อมกระทรวงแรงงานบ่อยเกินไป ส่วนพรุ่งนี้ (23 ม.ค.) ไม่รู้ว่าจะประชุม ศรส.ที่กระทรวงแรงงานอีกหรือไม่ แต่วันนี้ก็มีหลายหน่วยงานมา แม้จะมากันไม่ครบ แต่ก็มีฝ่ายทหาร ตำรวจ มาร่วมประชุม สำหรับโครงสร้างของ ศรส.นั้น จะสรุปได้ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ เพราะยังต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการทำงานของ ศรส.ยึดหลัก 5 ข้อ คือ 1.ใช้กฎหมายเป็นหลักในการแก้ปัญหา 2.รัฐบาลและคณะทำงานของรัฐบาลยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.ให้ผู้ชุมนุมใช้สิทธิ์ชุมนุมตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ 4.การดูแลผู้ชุมนุมใช้หลักสากล กระทำด้วยความละมุนละม่อม เน้นเจรจามากกว่าใช้กำลัง และ 5.ผู้ชุมนุมและผู้เกี่ยวข้องต้องเคารพสิทธิ์คนอื่นเช่นเดียวกัน โดยเมื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ประกาศชัตดาวน์กรุงเทพฯ ทาง ศรส.ก็มีคอนเซ็ปต์เช่นกันภายใต้ชื่อ (PEACE FOR BANGKOK) คืนความสงบสุขสู่กรุงเทพฯ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับห้ามสลายการชุนุม และห้ามใช้กำลัง โดยเฉพาะอาวุธเอ็ม 16 อาก้า และปืนเอสเค จะไม่เข้าสลายม็อบในเวลากลางคืน แต่เน้นการเจรจาเพื่อขอคืนพื้นที่ และไม่มีการใช้กำลังโดยเด็ดขาด ยกเว้นมีการบุกรุกยึดสถานที่ราชการก็จะดำเนินการตามหลักสากล และกลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินก็เดินไป ศรส.ไม่ได้ห้าม แต่อย่าปิดสถานที่ราชการ ส่วนพื้นที่ที่ตนมองว่าน่าห่วงก็คือพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพราะป้องกันยาก มีจุดเสี่ยงรายล้อมมากมาย ซึ่งที่บอกเช่นนี้ไม่ได้ขู่แต่พูดด้วยความเป็นห่วง
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ศรส.จะเริ่มปฏิบัติการ PEACE FOR BANGKOK โดยเริ่มตั้งแต่ในวันที่ 23 ม.ค.นี้ ศรส.จะเริ่มส่งทีมไปเจรจากับแกนนำ กปปส.เพื่อขอคืนพื้นที่ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และขอเตือนผู้ชุมนุม กปปส.การร่วมชุมนุมมีความผิดตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน
“ส่วนการจับตัวแกนนำ กปปส.โดยเฉพาะนายสุเทพ ก็คงต้องดำเนินการให้เข้มข้นขึ้น ผมเป็น รมว.แรงงาน และ ผอ.ศรส.คงไม่ลงไปจับกุมเอง แต่เวลานี้มีตำรวจระดับผู้การทั่วประเทศกว่า 200 คน อาสาจับตัวนายสุเทพ ก็มีสิทธิ์จับได้ เพราะนายสุเทพมีหมายจับอยู่ หากนายสุเทพยินยอมให้จับกุม ทุกอย่างก็จบด้วยดี ไม่รู้จะไปเดินตากแดดหน้าดำทำไมกัน หากกลุ่ม กปปส.เชื่อว่าได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก ก็ขอให้นายสุเทพเลิกชุมนุม และมาตั้งพรรคลงสมัครเลือกตั้ง หากได้คะแนนมากก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงกรณี นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนรักอุดร ถูกยิง ว่า ตนทราบเรื่องแล้ว แต่ยังไม่ได้คุยกับนายขวัญชัย ก็ต้องมีการสอบสวนกันต่อไป แต่คาดว่าคงเป็นเรื่องการเมืองไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
ด้านนายธาริต กล่าวว่า ที่ประชุม ศรส.ได้แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วน คือ ฝ่ายการเมือง และฝ่ายข้าราชการ จะสนธิกำลังกันและร่วมกันรับผิดชอบจะเน้นการใช้กฎหมายบังคับ และการเจรจา ไม่ใช้กำลัง ไม่สลายการชุมนุมโดยจะปฏิบัติการภายใต้ชื่อ PEACE FOR BANGKOK โดยจะทำหนังสือไปถึงนายสุเทพให้เลิกชุมนุม และคืนความสงบสุขให้แก่กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม เมื่อนายสุเทพ มีหมายจับ ตำรวจก็ต้องจับกุมซึ่งจะทำอย่างอะลุ่มอะล่วย ไม่ให้มีการสูญเสีย กระทบกระทั่งโดยจะทำในช่วงจังหวะที่เหมาะสม