วันที่ 26 ธ.ค. 2556 นับเป็นอีกวันที่คนไทยต้องหลั่งเลือดลงบนแผ่นดิน หลังจากที่กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้พยายามบุกเข้าอาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อขัดขวางการจับสลากหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ก็เกิดการยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่ผู้ชุมนุม
แต่ที่รุนแรงไปกว่านั้นก็คือมีการใช้กระสุนปืนจริงยิงใส่ด้วย จากการรายงานข่าวที่ผ่านมาพบว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว โดยรายแรกคือ ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ ถูกยิงเข้าที่กลางอกด้านขวา นำส่ง รพ.ตำรวจ และ นายวสุ ฉันทบุตร ผู้ชุมนุมถูกยิงเข้าที่บริเวณหน้าอก และเสียชีวิตเมื่อเวลา 03.00 น.ของวันที่ 27 ธ.ค. นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บอีกหลายรายจากการถูกกระสุนปืนจริงลั่นเข้าใส่ ระหว่างช่วงเหตุการณ์ชุลมุน
ยกตัวอย่าง การ์ด คปท.ถูกยิงเข้าที่ศีรษะจนต้องนำส่งตัวเพื่อรักษาที่ รพ.ราชวิถี ซึ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว ผู้ชุมนุมชายถูกยิงถูกยิงเข้าที่หน้าอก ทะลุช่องท้อง นำส่ง รพ.พระมงกุฏเกล้า รวมไปถึงชาวบ้านที่อยู่บริเวณดินแดง ที่ออกมาดูแลผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นญาติที่เดินทางมาจากใต้ อย่างนายมนตรี พันธ์สิน อายุ 31 ปี ก็ถูกยิงทะลุขาซ้าย ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ต้องนำส่งตัว รพ.ราชวิถี ซึ่งขณะนี้แพทย์ให้รอดูอาการ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ที่น่าตระหนกไปมากกว่านั้นคือ มีการยิงรถพยาบาลที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย จนทำให้ผู้บาดเจ็บที่อยู่ในรถถูกยิงทำร้ายซ้ำ และกระสุนยังไปถูกกู้ภัยสาวชื่อ น.ส.โสภา ศรีชาย อายุ 36 ปี ที่กำลังช่วยปฐมพยาบาลนักข่าวที่ได้รับบาดเจ็บอยู่บนรถด้วย
น.ส.ณิชชาอร อุรัชโนประกร อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ผู้อยู่ในเหตุการณ์บนรถกู้ชีพคันที่ถูกยิง เล่าย้อนความน่าสะพรึงของการยิงรถกู้ชีพ ว่า วันนั้นมีคนเจ็บ 2 คนเข้ามายังรถคันนี้ ซึ่งอาสาสมัครก็ช่วยทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อรถเคลื่อนออกพร้อมเปิดสัญญาณไซเรน ก็ได้ยินเสียงกระสุน จากนั้นน้องอาสาสมัครชื่อกุ้ง หรือน.ส.โสภา ศรีชาย อายุ 36 ปี ก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาว่าตนโดนยิง ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะแม้จะอ่านหนังสือไม่ออกว่าคือรถพยาบาล แต่เรามีตรเชิงสัญลักษณ์ที่บ่งบอกอย่างชัดเจน
น.ส.ณิชชาอร เล่าอีกว่า เหตุการณ์วันนั้น ตนนั่งอยู่ด้านหลังคนขับกำลังพูดไมโครไฟนเพื่อขอทางให้รถกู้ชีพ ส่วนคนที่ถูกยิงนั่งกลางรถกำลังช่วยดูแลนักข่าวที่บาดเจ็บที่ขา ส่วนคนเจ็บอีกคนนั่งอยู่บนเปลด้านขวา หันหน้าไปทางกู้ชีพ โดย น.ส.โสภาได้ตะโกนว่า “น้าแหม่ม กุ้งโดนยิง” ซึ่งถือว่าเป็นเหตุกะทันหัน เพราะคิดว่าขณะรถเคลื่อนตัวคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับรถพยาบาล ในใจคิดว่าต้องเอาคนเจ็บไปส่งให้ถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด พอหันหน้ากลับมาพบว่า น.ส.โสภา นอนหงายซบไปทางนักข่าวแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บผู้ชายก็ถูกยิงฝุบลงไป ซึ่งกระสุนถูกผู้บาดเจ็บก่อนที่จะทะลุไปโดน น.ส.โสภา ซึ่งตนก็ไม่คิดว่ารถพยาบาลจะโดน ถือเป็นครั้งแรกในชีวิต และไม่คิดว่าจะเกิดด้วย
“เหตุการณ์วันที่ 26 ธ.ค.ถือว่ารุนแรงกว่าวันที่ 9 ธ.ค.อย่างมากที่ส่วนใหญ่จะได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา แต่ในฐานะที่เป็นอาสา ซึ่งคติคือเสียสละด้วยใจรับใช้ประชาชน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ยินดีพร้อมรับใช้ โดยสิ่งที่อยากฝากเรียนคือรถพยาบาลหรือคนติดตราเชิงสัญลักษณ์ต้องยกเว้น เพื่อให้เข้ามาทำหน้าที่ช่วยเหลือคนเจ็บ”
ล่าสุด ขณะนี้ น.ส.โสภา ได้รับการย้ายตัวจาก รพ.พญาไท 2 มายัง รพ.ราชวิถี แล้ว ขณะนี้อาการอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย