ผ่าประเด็นร้อน
หลังจากได้เห็นม่านควันจากแก๊สน้ำตาลอยคละคลุ้งรอบสนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ “ขี้ข้าระบอบทักษิณ” ยิงเข้าใส่ประชาชนที่ประท้วงการรับสมัครการเลือกตั้งเมื่อวันก่อน ได้เห็นการ “สมคบคิด” ระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับพรรคการเมือง และรัฐบาล “หุ่นเชิด” นัดแนะกันเปิดประตูให้ตัวแทนพรรคเหล่านั้นเข้าไปรับสมัครตรวจหลักฐานกันตั้งแต่ตีสามตีสี่แบบ “ลักหลับ” ชาวบ้านกันอีกรอบ รวมไปถึงการเปิดสถานที่รับสมัครกันที่สถานีตำรวจนครบาลดินแดง เมื่อวันก่อน เห็นแล้วมันช่างอัปยศอดสูสิ้นดี และเกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่านี่หรือคือบรรยากาศการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย นี่เป็นนิมิตหมายการเลือกตั้งที่เสรี โปรงใสอย่างนั้นหรือ
ตรงกันข้าม นี่คือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย และอาจถึงขั้น “การเลือกตั้งเลือด” ที่จะตามมาในไม่ช้า เพราะการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุมแบบไม่เลิกตั้งแต่เช้ายันบ่าย ทั้งที่ “พิธีกรรมโจร” ได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ทางพรรคการเมืองและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีการร่วมมือกันจับสลากได้หมายเลขกันไปถ้วนหน้า และที่สำคัญ ทั้งตัวแทนพรรคการเมือง และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่ตำรวจเตรียมไว้นำออกจากพื้นที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นไปหมดแล้ว ทุกอย่างจึงไม่มีความจำเป็นที่ตำรวจต้องระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุมอีกต่อไป นอกเหนือจากมีเจตนาฆ่า หรือทำร้ายให้บาดเจ็บ อันเนื่องจากแรงจูงใจเจ็บแค้นอาฆาตเป็นการส่วนตัวเท่านั้น
อย่างไรก็ดี นาทีนี้ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เกิดขึ้นตามกำหนดหรือไม่ก็ตาม แต่เหตุการณ์ที่หน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ถือว่า อัปยศ โดยที่ทั้งรัฐบาล และคณะกรรมการการเลือกตั้งในฐานะผู้จัดการเลือกตั้งจะต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้ได้สร้าง “รอยด่างพร้อย” ให้เกิดขึ้นอย่างเจตนา ทำให้ไม่ได้ความเชื่อถือศรัทธาจากประชาชนอีกต่อไป เพราะภาพที่เกิดขึ้นถือว่า กลายเป็น “เครื่องมือ” ให้กับรัฐบาล ให้กับ “ระบอบทักษิณ” จนไม่สามารถปฏิเสธได้แล้ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางคณะกรรมการการเลือกตั้งสามารถใช้ดุลพินิจในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจากเดิมได้ เนื่องจากความ “ไม่ปกติ” แต่กลายเป็นว่า เป็นตัวจุดชนวนให้เกิดความรุนแรง ซึ่งบรรยากาศดังกล่าวรับรองว่านี่ไม่ใช่เป็นบรรยากาศสำหรับการเลือกตั้งที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย และที่สำคัญนี่ไม่ใช่ทางออกของประเทศอย่างแน่นอน ในทางตรงกันข้าม กลับยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายออกไปอีก
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล “หุ่นเชิด” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยังดันทุรังรักษาการเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแบบ “ด้านเหนือคำบรรยาย” นาทีนี้ถือว่าจบเห่แล้ว เพราะยิ่งดันทุรังก็ยิ่งถลำลึกเข้ารกเข้าพงไปเรื่อยๆ และเสี่ยงต่อการ “ถูกเนรเทศ” ออกไปยวงก็มีความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน เพราะถือว่านับวันยิ่งหมดความชอบธรรม ไม่มีราคา ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว นับวันมีแต่ความเกลียดชังจากประชาชน ที่เห็นธาตุแท้ของคนในครอบครัว ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างมากขึ้นทุกที
การเลือกตั้งที่วางแผนเอาไว้ว่าจะต้องเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ปีหน้า เพื่อสร้างพิธีกรรมรองรับโจร แต่ถามว่านาทีนี้ยังคิดว่าคนอย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือคนในครอบครัวชินวัตรจะสามารถบริหารบ้านเมือง และสามารถตั้งรัฐบาล รวมทั้งเดินบนถนนเช่นในอดีตได้อีกหรือ
นาทีนี้ถือว่ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ กลายเป็น “ทรราชเต็มขั้น” มือเปื้อนเลือดอย่างจงใจไปแล้ว และแม้ว่าเมื่อตอนบ่ายวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมาทางคณะกรรมการการเลือกตั้งได้แถลงเรียกร้องให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป เนื่องจากเห็นว่าบรรยากาศที่เป็นอยู่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งตามกำหนดการเดิมได้อีกแล้ว และแม้ว่าจะไม่ดันทุรังต่อ เพราะถึงทางตันก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เนื่องจากสามารถหลีกเลี่ยงได้ตั้งแต่แรก หลังจากมีเสียงคัดค้าน มีการประท้วง เกิดขึ้นสารพัด แต่ทั้งรัฐบาลและคณะกรรมการการเลือกตั้งก็ยังเดินหน้าต่อ โดยอ้างว่าทุกอย่างกำหนดเอาไว้แล้ว ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น ไม่มีทางอื่น แต่ในที่สุดเมื่อเกิดเหตุรุนแรงก็ต้องเสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป แต่คำถามก็คือทำไมถึงรอให้เกิดเรื่องก่อน ให้เกิดการบาดเจ็บเกิดขึ้นมาก่อน
สำหรับรัฐบาล โดยเฉพาะ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือว่าหมดสภาพอย่างสิ้นเชิงแล้ว ไม่มีทางที่จะบริหารจัดการอะไรได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเสนอแนทางอะไรออกมาก็ไม่ได้รับการยอมรับเชื่อถือ ไม่มีใครไว้วางใจอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาพฤติกรรมของรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และ ทักษิณ ชินวัตร ได้ถูกสังคมจับได้ไล่ทันว่า “เห็นแก่ตัว” เอาเปรียบสารพัด ทำทุกทางเพื่อตัวเองและพวกพ้องเท่านั้น อีกทั้งระยะเวลาที่ผ่านมากว่าสองปี ได้ “ล้มเหลว” ลงอย่างสิ้นเชิง ทุกนโยบายสำคัญสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกหย่อมหญ้า ไม่สมราคาคุย
ดังนั้น ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือไม่ หรือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะยอมเลื่อนการเลือกตั้งตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่มีความหมาย เพราะชนวนเหตุก็คือ ยิ่งลักษณ์ ยัง “นั่งคาเก้าอี้” ยังคงดื้อด้านรักษาการนายกรัฐมนตรีเพื่อยื้ออำนาจอยู่ต่อไปนี่ต่างหากคือชนวนเหตุ เพราะตราบใดก็ตามที่ยังเป็นแบบนี้ ทรราช ยังอยู่ ปัญหาก็ไม่จบ และอีกไม่นานเราอาจได้เห็นคนในครอบครัวจะต้องเดินทางออกนอกประเทศก็เป็นได้!!