โดย...สิรวุฒิ รวีไชยวัฒน์
หากอากาศสุด “คูล” ทางภาคเหนือและภาคอีสานของไทย เป็นตัวเลือกในใจอันดับแรกๆ ของคุณที่หวังจะไปตากอากาศ หรือพักผ่อนหย่อนใจในช่วงเทศกาลปีใหม่นั้น แม้รู้ดีว่าจะต้องผจญกับคนจำนวนมากที่หวังออกต่างจังหวัดไปพักผ่อนเช่นกัน หรือเดินทางกลับไปพบปะครอบครัว ก็ยังพุ่งเป้าที่จะไปก็ตาม
แต่ก่อนที่จะถึงสุดสายปลายทางที่รอคอย รู้หรือไม่...หากขับรถอย่าง “ไม่ระมัดระวัง” แล้ว อันตรายที่รอเวลาซุ่มโจมตีในยามที่คุณประมาทนั้น พร้อมที่จะพรากชีวิตคุณหรือคนที่คุณรักไปอย่างที่ไม่เคยได้ทันตั้งตัว
อันตรายที่ว่านั้นเห็นได้ชัดเจนตลอดเส้นทางกว่าหลายร้อยกิโลเมตร ที่เดินทางขึ้นเหนือเลยก็ว่าได้ ซึ่ง นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ระบุว่า อันตรายที่น่าเป็นห่วงในการเดินทางไปท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสานก็คือ หมอกที่ลงจัดจนทำให้ทัศนวิสัยในการขับรถแย่ลงอย่างมาก ซ้ำร้ายยังมีการก่อสร้างถนนใหม่จำนวนมาก เช่น นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เป็นต้น รวมระยะทางแล้วกว่า 400-500 กิโลเมตร ซึ่งการก่อสร้างจะทำให้ถนนมีลักษณะไถลงข้างหนึ่ง มีความสูงต่ำไม่เท่ากัน ประกอบกับเส้นทางที่เป็นทางโค้งขึ้นเขา ป้ายเตือนการก่อสร้างมีน้อย และมีหมอกจัดในตอนเช้า จึงเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
นายพรหมมินทร์ กล่าวอีกว่า การไปเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ในภาคเหนือและภาคอีสานต้องระมัดระวังเรื่องเหล่านี้เป็นกรณีพิเศษ จึงขอฝากคำแนะนำในการขับรถอย่างปลอดภัยไว้ 5 ข้อคือ
1.ต้องเปิดไฟหน้าสูงในยามที่หมอกลงหรือทัศนวิสัยในการขับรถไม่ดี
2.ลดความเร็วลง ซึ่งในยามที่หมอกลงจัดควรขับรถให้มีความเร็วประมาณ 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากเกิดเหตุไม่คาดฝันยังพอที่จะหักหลบได้ทัน
3.ขับรถชิดไหล่ทางแบบพอดีๆ เพราะหากขับรถในยามที่มองเส้นทางไม่ชัดแล้วชิดกลางถนน ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเจอกับรถที่ขับสวนมาได้
4.ต้องแวะพักบ่อยครั้ง เพราะส่วนใหญ่เมื่อพ้นช่วงรถติดแถบ จ.พระนครศรีอยุธยา สระบุรี จากการที่มีรถออกต่างจังหวัดจำนวนมากไปแล้ว ก็มักจะขับรถเร็วเกินกว่ากำหนด เพราะอัดอั้นที่รถติดนาน อย่างช่วงก่อนที่จะถึงนครสวรรค์ ซึ่งมีลักษณะเป็นคอขวด ก็มีโอกาสประสบอุบัติเหตุได้มาก
5.เตรียมไปเส้นทางลัด เช่น ขึ้นสายเหนือโดยออกทางสุพรรณบุรี เข้าอู่ทอง อุทัยธานี แล้วค่อยเข้านครสวรรค์ เป็นต้น เพื่อเลี่ยงเส้นทางการจราจรหลัก ก็จะช่วยระบายรถให้น้อยลง
“นอกจากประชาชนที่จะต้องระมัดระวังตัวเองในการขับรถแล้ว หน่วยงานต่างๆ ต้องช่วยกันที่จะลดอุบัติเหตุด้วย โดยผู้รับเหมาก่อสร้างถนนขอเตือนว่าให้ทำตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ให้ยุติการก่อสร้างทั้งหมด และเก็บป้ายที่ระเกะระกะหรือโผล่ออกมานอกถนน จนเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ ส่วนผู้ประกอบการต่างๆ ก็ต้องขอความร่วมมือยุติการใช้รถบรรทุกในช่วงปีใหม่”
ส่วนหน่วยงานภาครัฐ นายพรหมมินทร์ เปิดเผยว่า ประเด็นการรณรงค์ขับรถช่วงปีใหม่ก็คือ “สัญจรปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ” มาตรการที่เน้นคือดื่มไม่ขับ เมาไม่ขับ ลดความเร็ว โดยวิธีการทำงานในกลุ่มตำรวจจะต้องเน้นการบังคับใช้กฎหมาย กรมป้องกันบรรเทาและสาธารณภัย (ปภ.) เน้นการตั้งจุดบริการร่วมกันกับท้องถิ่นและชุมชน กระทรวงคมนาคม จะต้องตรวจตราถนนในจุดเสี่ยง จุดใดต้องมีการติดไฟถนนเพิ่มเติม หรือติดผ้ายเตือนให้ครบในจุดเสี่ยงต่างๆ ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ก็ต้องเตรียมพร้อมทำงานหลังการเกิดอุบัติเหตุ
“ที่น่าห่วงคืออย่าเน้นรณรงค์เรื่องการท่องเที่ยวมากจนละเลยเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่มักเช่ามอเตอร์ไซค์ขับรถเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาทิ้งชีวิตไว้เพราะสาเหตุดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ในไทย หากสามารถระมัดระวังเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดได้ ก็เชื่อว่าอุบัติเหตุในช่วง 7 วันอันตรายคือ 27 ธ.ค. 2556 - 2 ม.ค. 2557 ก็น่าจะลดลง”
หากอากาศสุด “คูล” ทางภาคเหนือและภาคอีสานของไทย เป็นตัวเลือกในใจอันดับแรกๆ ของคุณที่หวังจะไปตากอากาศ หรือพักผ่อนหย่อนใจในช่วงเทศกาลปีใหม่นั้น แม้รู้ดีว่าจะต้องผจญกับคนจำนวนมากที่หวังออกต่างจังหวัดไปพักผ่อนเช่นกัน หรือเดินทางกลับไปพบปะครอบครัว ก็ยังพุ่งเป้าที่จะไปก็ตาม
แต่ก่อนที่จะถึงสุดสายปลายทางที่รอคอย รู้หรือไม่...หากขับรถอย่าง “ไม่ระมัดระวัง” แล้ว อันตรายที่รอเวลาซุ่มโจมตีในยามที่คุณประมาทนั้น พร้อมที่จะพรากชีวิตคุณหรือคนที่คุณรักไปอย่างที่ไม่เคยได้ทันตั้งตัว
อันตรายที่ว่านั้นเห็นได้ชัดเจนตลอดเส้นทางกว่าหลายร้อยกิโลเมตร ที่เดินทางขึ้นเหนือเลยก็ว่าได้ ซึ่ง นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ระบุว่า อันตรายที่น่าเป็นห่วงในการเดินทางไปท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสานก็คือ หมอกที่ลงจัดจนทำให้ทัศนวิสัยในการขับรถแย่ลงอย่างมาก ซ้ำร้ายยังมีการก่อสร้างถนนใหม่จำนวนมาก เช่น นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เป็นต้น รวมระยะทางแล้วกว่า 400-500 กิโลเมตร ซึ่งการก่อสร้างจะทำให้ถนนมีลักษณะไถลงข้างหนึ่ง มีความสูงต่ำไม่เท่ากัน ประกอบกับเส้นทางที่เป็นทางโค้งขึ้นเขา ป้ายเตือนการก่อสร้างมีน้อย และมีหมอกจัดในตอนเช้า จึงเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
นายพรหมมินทร์ กล่าวอีกว่า การไปเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ในภาคเหนือและภาคอีสานต้องระมัดระวังเรื่องเหล่านี้เป็นกรณีพิเศษ จึงขอฝากคำแนะนำในการขับรถอย่างปลอดภัยไว้ 5 ข้อคือ
1.ต้องเปิดไฟหน้าสูงในยามที่หมอกลงหรือทัศนวิสัยในการขับรถไม่ดี
2.ลดความเร็วลง ซึ่งในยามที่หมอกลงจัดควรขับรถให้มีความเร็วประมาณ 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากเกิดเหตุไม่คาดฝันยังพอที่จะหักหลบได้ทัน
3.ขับรถชิดไหล่ทางแบบพอดีๆ เพราะหากขับรถในยามที่มองเส้นทางไม่ชัดแล้วชิดกลางถนน ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเจอกับรถที่ขับสวนมาได้
4.ต้องแวะพักบ่อยครั้ง เพราะส่วนใหญ่เมื่อพ้นช่วงรถติดแถบ จ.พระนครศรีอยุธยา สระบุรี จากการที่มีรถออกต่างจังหวัดจำนวนมากไปแล้ว ก็มักจะขับรถเร็วเกินกว่ากำหนด เพราะอัดอั้นที่รถติดนาน อย่างช่วงก่อนที่จะถึงนครสวรรค์ ซึ่งมีลักษณะเป็นคอขวด ก็มีโอกาสประสบอุบัติเหตุได้มาก
5.เตรียมไปเส้นทางลัด เช่น ขึ้นสายเหนือโดยออกทางสุพรรณบุรี เข้าอู่ทอง อุทัยธานี แล้วค่อยเข้านครสวรรค์ เป็นต้น เพื่อเลี่ยงเส้นทางการจราจรหลัก ก็จะช่วยระบายรถให้น้อยลง
“นอกจากประชาชนที่จะต้องระมัดระวังตัวเองในการขับรถแล้ว หน่วยงานต่างๆ ต้องช่วยกันที่จะลดอุบัติเหตุด้วย โดยผู้รับเหมาก่อสร้างถนนขอเตือนว่าให้ทำตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ให้ยุติการก่อสร้างทั้งหมด และเก็บป้ายที่ระเกะระกะหรือโผล่ออกมานอกถนน จนเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ ส่วนผู้ประกอบการต่างๆ ก็ต้องขอความร่วมมือยุติการใช้รถบรรทุกในช่วงปีใหม่”
ส่วนหน่วยงานภาครัฐ นายพรหมมินทร์ เปิดเผยว่า ประเด็นการรณรงค์ขับรถช่วงปีใหม่ก็คือ “สัญจรปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ” มาตรการที่เน้นคือดื่มไม่ขับ เมาไม่ขับ ลดความเร็ว โดยวิธีการทำงานในกลุ่มตำรวจจะต้องเน้นการบังคับใช้กฎหมาย กรมป้องกันบรรเทาและสาธารณภัย (ปภ.) เน้นการตั้งจุดบริการร่วมกันกับท้องถิ่นและชุมชน กระทรวงคมนาคม จะต้องตรวจตราถนนในจุดเสี่ยง จุดใดต้องมีการติดไฟถนนเพิ่มเติม หรือติดผ้ายเตือนให้ครบในจุดเสี่ยงต่างๆ ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ก็ต้องเตรียมพร้อมทำงานหลังการเกิดอุบัติเหตุ
“ที่น่าห่วงคืออย่าเน้นรณรงค์เรื่องการท่องเที่ยวมากจนละเลยเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่มักเช่ามอเตอร์ไซค์ขับรถเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาทิ้งชีวิตไว้เพราะสาเหตุดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ในไทย หากสามารถระมัดระวังเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดได้ ก็เชื่อว่าอุบัติเหตุในช่วง 7 วันอันตรายคือ 27 ธ.ค. 2556 - 2 ม.ค. 2557 ก็น่าจะลดลง”
