สำหรับผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ยังอยู่ในวัยมีรอบเดือนหรือประจำเดือน มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับการปวดเป็นประจำ บางรายรุนแรงถึงขั้นไม่เป็นอันทำอะไร แพทย์ชี้ อย่าวางใจ ควรได้รับการตรวจเช็ก เพราะปัญหาอาจไม่ธรรมดาอย่างที่คิด พร้อมแนะ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีแบบใหม่ที่ใส่ใจสตรีเวช การผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวชคือทางเลือกแห่งวงการแพทย์ที่เกิดขึ้นมาเพื่อดูแลรักษาโรคของคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ
นพ.ณัทชวกร นฤคนธ์ แพทย์ด้านมะเร็งนรีเวชและการผ่าตัดผ่านกล้องด้านนรีเวช โรงพยาบาลเจ้าพระยา กล่าวว่า หนึ่งในสาเหตุแห่งความทุกข์ของคุณสุภาพสตรี ก็คือการมีประจำเดือน และสำหรับหลายคนอาจต้องทนกับอาการเจ็บปวดที่มาเป็นประจำ โดย นพ.ณัทชวกร ชี้ให้เห็นว่า ถ้าเป็นการปวดตามปกติ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่น่ากังวลใจก็คือ ในกรณีที่เป็นการปวดอีกแบบ
“อาการปวดประจำเดือนมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ก็คือ หนึ่ง ไม่มีพยาธิสภาพ เป็นการปวดที่เกิดจากการตอบสนองต่อฮอร์โมน ซึ่งส่วนใหญ่จะเจอในวัยรุ่น ช่วงที่มีใหม่ๆ 2-3 ปีแรก จะมีอาการปวดประจำเดือนเป็นปกติ และอาการปวดแบบนี้ เมื่อรับประทานยาแก้ปวด ก็จะดีขึ้น ไม่ปวดจนถึงขั้นต้องหยุดงาน แต่ถ้าปวดแล้วทานยาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นหรือปวดจนกระทั่งไม่สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ อันนี้เราถือว่าเป็นการปวดประจำเดือนที่ผิดปกติ อาจจะมีพยาธิสภาพ”
โดยพยาธิสภาพหรือโรคดังกล่าว ที่ นพ.ณัทชวกร ให้ความรู้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการปวดประจำเดือน นั่นก็คือโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่
“ปกติเยื่อบุมดลูกจะอยู่ตรงส่วนของโพรงมดลูกด้านใน มันจะมีการเจริญเติบโตเพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อน แต่ผู้ป่วยบางราย เยื่อบุมดลูกไม่ได้อยู่ในโพรงมดลูก มันไปเกาะติดอยู่ที่รังไข่ ถ้ามันเจริญเติบโตมากๆ ก็จะกลายเป็นช็อกโกแล็ตซีสต์ หรือไปอยู่ตามอุ้งเชิงกราน เวลาที่มีรอบเดือน เยื่อบุมดลูกซึ่งอยู่ผิดที่ ก็จะเจริญเติบโตไปด้วยจากการถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมน เพราะฉะนั้น การปวดก็จะมีมากขึ้น”
อย่างไรก็ดี หากสุภาพสตรีท่านใด กังวลใจว่าอาการปวดประจำเดือนของตนเองนั้น เข้าข่ายใด ทางที่ดีที่สุดก็คือควรได้รับการตรวจ โดยในปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีชื่อว่าการตรวจหรือผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวชนั้น สามารถทำได้โดยง่ายและไม่เป็นอันตราย
“หลักๆ จะแบ่งเป็นสองส่วนคือ การวินิจฉัยกับการรักษา การวินิจฉัยบางอย่าง เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการปวดท้องเรื้อรัง ปวดประจำเดือนเป็นประจำและปวดรุนแรง โดยที่การตรวจภายในหรือการตรวจด้วยอัลตร้าซาวด์ ไม่สามารถบอกได้ว่าอาการปวดนั้นๆ เกิดจากอะไร แต่การตรวจผ่านกล้องทางนรีเวชจะทำให้เห็นได้โดยตรง คือจะมีกล้องส่องเข้าไปในช่องท้อง ผ่านรูซึ่งเจาะที่หน้าท้อง ขนาดรูก็จะประมาณหนึ่งเซนติเมตร เพราะฉะนั้นก็จะทำให้เราเห็นอวัยวะที่อยู่ในช่องท้องโดยตรง ทำให้เห็นรอยโรค ระบุถึงตำแหน่งและลักษณะของรอยโรคได้ดีกว่าการอัลตร้าซาวด์ซึ่งเป็นการดูผ่านเงาเพราะใช้หลักการของแสงสะท้อน นี่คือความแตกต่างกัน”
นอกจากการตรวจอาการปวดประจำเดือนแล้ว การผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช ยังสามารถรักษาโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงได้ทั้งหมดด้วย ไม่ว่าจะเป็นปากมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูก ท่อนำไข่ รังไข่ พังผืดในอุ้งเชิงกราน ตั้งครรภ์นอกมดลูก ไปจนถึงทำหมัน หรือโรคที่เกิดกับอวัยวะสืบพันธุ์ของสตรีที่ทำการรักษาได้ และเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
“ข้อดีของการผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช ก็คือ 1.แผลผ่าตัดจะมีขนาดเล็กมาก อยู่ที่ประมาณ 0.5-1 เซนติเมตรเท่านั้น 2.เจ็บแผลน้อยกว่า 3.ฟื้นตัวหลังผ่าตัดได้เร็ว นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 1-3 วัน และ 4.เกิดพังผืดหลังผ่าตัดได้น้อยกว่า” นพ.ณัทชวกร กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูล : รายการ “Health Line สายตรงสุขภาพ” รายการที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 7.00-8.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และสามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ www.manager.co.th/vdo
นพ.ณัทชวกร นฤคนธ์ แพทย์ด้านมะเร็งนรีเวชและการผ่าตัดผ่านกล้องด้านนรีเวช โรงพยาบาลเจ้าพระยา กล่าวว่า หนึ่งในสาเหตุแห่งความทุกข์ของคุณสุภาพสตรี ก็คือการมีประจำเดือน และสำหรับหลายคนอาจต้องทนกับอาการเจ็บปวดที่มาเป็นประจำ โดย นพ.ณัทชวกร ชี้ให้เห็นว่า ถ้าเป็นการปวดตามปกติ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่น่ากังวลใจก็คือ ในกรณีที่เป็นการปวดอีกแบบ
“อาการปวดประจำเดือนมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ก็คือ หนึ่ง ไม่มีพยาธิสภาพ เป็นการปวดที่เกิดจากการตอบสนองต่อฮอร์โมน ซึ่งส่วนใหญ่จะเจอในวัยรุ่น ช่วงที่มีใหม่ๆ 2-3 ปีแรก จะมีอาการปวดประจำเดือนเป็นปกติ และอาการปวดแบบนี้ เมื่อรับประทานยาแก้ปวด ก็จะดีขึ้น ไม่ปวดจนถึงขั้นต้องหยุดงาน แต่ถ้าปวดแล้วทานยาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นหรือปวดจนกระทั่งไม่สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ อันนี้เราถือว่าเป็นการปวดประจำเดือนที่ผิดปกติ อาจจะมีพยาธิสภาพ”
โดยพยาธิสภาพหรือโรคดังกล่าว ที่ นพ.ณัทชวกร ให้ความรู้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการปวดประจำเดือน นั่นก็คือโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่
“ปกติเยื่อบุมดลูกจะอยู่ตรงส่วนของโพรงมดลูกด้านใน มันจะมีการเจริญเติบโตเพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อน แต่ผู้ป่วยบางราย เยื่อบุมดลูกไม่ได้อยู่ในโพรงมดลูก มันไปเกาะติดอยู่ที่รังไข่ ถ้ามันเจริญเติบโตมากๆ ก็จะกลายเป็นช็อกโกแล็ตซีสต์ หรือไปอยู่ตามอุ้งเชิงกราน เวลาที่มีรอบเดือน เยื่อบุมดลูกซึ่งอยู่ผิดที่ ก็จะเจริญเติบโตไปด้วยจากการถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมน เพราะฉะนั้น การปวดก็จะมีมากขึ้น”
อย่างไรก็ดี หากสุภาพสตรีท่านใด กังวลใจว่าอาการปวดประจำเดือนของตนเองนั้น เข้าข่ายใด ทางที่ดีที่สุดก็คือควรได้รับการตรวจ โดยในปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีชื่อว่าการตรวจหรือผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวชนั้น สามารถทำได้โดยง่ายและไม่เป็นอันตราย
“หลักๆ จะแบ่งเป็นสองส่วนคือ การวินิจฉัยกับการรักษา การวินิจฉัยบางอย่าง เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการปวดท้องเรื้อรัง ปวดประจำเดือนเป็นประจำและปวดรุนแรง โดยที่การตรวจภายในหรือการตรวจด้วยอัลตร้าซาวด์ ไม่สามารถบอกได้ว่าอาการปวดนั้นๆ เกิดจากอะไร แต่การตรวจผ่านกล้องทางนรีเวชจะทำให้เห็นได้โดยตรง คือจะมีกล้องส่องเข้าไปในช่องท้อง ผ่านรูซึ่งเจาะที่หน้าท้อง ขนาดรูก็จะประมาณหนึ่งเซนติเมตร เพราะฉะนั้นก็จะทำให้เราเห็นอวัยวะที่อยู่ในช่องท้องโดยตรง ทำให้เห็นรอยโรค ระบุถึงตำแหน่งและลักษณะของรอยโรคได้ดีกว่าการอัลตร้าซาวด์ซึ่งเป็นการดูผ่านเงาเพราะใช้หลักการของแสงสะท้อน นี่คือความแตกต่างกัน”
นอกจากการตรวจอาการปวดประจำเดือนแล้ว การผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช ยังสามารถรักษาโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงได้ทั้งหมดด้วย ไม่ว่าจะเป็นปากมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูก ท่อนำไข่ รังไข่ พังผืดในอุ้งเชิงกราน ตั้งครรภ์นอกมดลูก ไปจนถึงทำหมัน หรือโรคที่เกิดกับอวัยวะสืบพันธุ์ของสตรีที่ทำการรักษาได้ และเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
“ข้อดีของการผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช ก็คือ 1.แผลผ่าตัดจะมีขนาดเล็กมาก อยู่ที่ประมาณ 0.5-1 เซนติเมตรเท่านั้น 2.เจ็บแผลน้อยกว่า 3.ฟื้นตัวหลังผ่าตัดได้เร็ว นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 1-3 วัน และ 4.เกิดพังผืดหลังผ่าตัดได้น้อยกว่า” นพ.ณัทชวกร กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูล : รายการ “Health Line สายตรงสุขภาพ” รายการที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 7.00-8.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และสามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ www.manager.co.th/vdo