ก.พ.อ.มอบอนุฯ บริหารบุคคล กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับมหา’ลัยใช้เป็นแนวทางดูแลสวัสดิการพนักงานมหา’ลัย หลัง ร่าง พ.ร.บ.บริหารงานบุคคลฯ ยังลูกผีลูกคน “ทศพร” ชี้ร่าง พ.ร.บ.คาดใช้เวลานาน แต่หากทำเกณฑ์ขั้นต่ำไว้ อาจนำไปใส่ในร่าง พ.ร.บได้ พร้อมเผยที่ประชุมมีมติเห็นชอบขอรับจัดสรรงบเพิ่มให้มหา’ลัยกลุ่มใหม่ 52 แห่งจำนวน 6.8 หมื่นล้านบาทผูกพัน 5 ปี โดยต้องเสนอ ครม.ชุดใหม่ต่อไป รวมทั้งเห็นชอบกำหนดตัวชี้วัดผลงานที่สะท้อนผลงานพัฒนาชุมชน-ท้องถิ่นซึ่งจะมีผลต่อการจัดสรรงบประมาณ
ศ.(พิเศษ) ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) เมื่อเร็วๆ นี้ มีมติเห็นชอบขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษากลุ่มใหม่ให้ได้มาตรฐานการอุดมศึกษาและเตรียมความพร้อมสู่การเป็นประชาคมอาเซียน จำนวน 52 แห่ง ใช้งบประมาณทั้งหมด 68,000 ล้านบาท โดยเป็นงบผูกพัน 5 ปี (พ.ศ.2558-2562) ซึ่งจะต้องรอเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เพื่อเห็นชอบต่อไป โอกาสนี้ที่ประชุมยังหารือถึงแนวทางในการจัดสรรงบประมาณให้มหาวิทยาลัยกลุ่มใหม่ โดยเห็นว่าต้องกำหนดตัวชี้วัดที่สะท้อนในเรื่องผลงานการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่นมากขึ้น เพื่อที่ต่อไปการจัดสรรงบประมาณให้มหาวิทยาลัยต้องดูผลงานนั้นเป็นไปตามตัวชี้วัดที่กำหนดหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมา คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ได้หารือกับมหาวิทยาลัยกลุ่มใหม่เพื่อกำหนดตัวชี้วัดไปแล้ว เบื้องต้นจะมี 5 ด้าน ดังนี้ บุคลากรสายสอน นักศึกษา งานด้านวิชาการ หลักสูตร และการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน
ศ.(พิเศษ) ดร.ทศพร กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงเรื่องโครงสร้างอายุในปัจจุบันของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งขณะนี้กำลังคนในสถาบันอุดมศึกษาได้เปลี่ยนแปลงไป แบ่งเป็น ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา จำนวน 32,547 คน และพนักงานมหาวิทยาลัย จำนวน 80,056 คน จากมหาวิทยาลัยทั้งหมด 61 แห่ง จากตัวเลขจะเห็นว่าจำนวนพนักงานมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังพลภาครัฐ (คปร.) มีมติลดอัตรากำลังคนภาครัฐ เมื่อ พ.ศ. 2542 และที่ผ่านมามหาวิทยาลัยต่างก็พยายามจะดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพในด้านต่างๆ ของพนักงานมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งการดูแลมีความหลากหลาย บางแห่งก็สามารถดูได้อย่างสมบูรณ์ บางแห่งก็ไม่สมบูรณ์
“ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ คณะอนุกรรมการบริหารบุคลของ ก.พ.อ.ไปวิเคราะห์ผลจากการที่ลดจำนวนข้าราชการ ทำให้มหาวิทยาลัยเจริญก้าวหน้า ไปตามเจตนารมณ์ที่กำหนดไว้หรือไม่ รวมทั้งไปดูระบบการบริหารงานบุคลากร ทั้งเรื่องสวัสดิการต่างๆ ทั้ง เงินเดือน การรักษาพยาบาล รวมถึงเรื่องอุทธรณ์ร้องทุกข์ต่างๆ เพื่อจะได้นำมากำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำในการดูแลพนักงานมหาวิทยาลัยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเหมาะสม โดยจะส่งข้อมูลเกณฑ์ขั้นต่ำให้มหาวิทยาลัยพิจารณาหากเห็นด้วย อาจจะเสนอเป็นมติ ครม.เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้หากมีข้อเสนอดังกล่าวแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะยกเลิกการผลักดันร่างพ.ร.บ.บริหารงานบุคคล สถาบันอุดมศึกษา พ.ศ... แต่ร่างดังกล่าวต้องใช้เวลานาน ดังนั้น ระหว่างที่รอมหาวิทยาลัยก็สามารถใช้เกณฑ์ต่ำไปพิจารณาจัดสรรสวัสดิการได้ หรืออาจจะนำข้อมูลนี้ไปบรรจุไว้ในร่าง พ.ร.บ.ด้วยก็ได้” เลขาธิการ กกอ.กล่าว
ศ.(พิเศษ) ดร.ทศพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่ง ศาสตราจารย์ (ศ.) และศ.ขั้นสูง ก่อนนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง โดยเป็นตำแหน่ง ศ.จำนวน 4 ราย ดังนี้ รศ.ยิ่งยศ อวิหิงสานนท์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.อรรถชัย จินตะเวช คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รศ.รังสินี มหานนท์ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ รศ.บุญเรียง ขจรศิลป์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขณะเดียวกันยังเห็นชอบบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง ศ.ได้รับเงินเดือนขั้นสูง 3 ราย ศ.สุชาติ พหลภาคย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศ.อารี วิบูลย์พงศ์ คณะแพทยศาสตร์ มช.และ ศ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มช.
ศ.(พิเศษ) ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) เมื่อเร็วๆ นี้ มีมติเห็นชอบขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษากลุ่มใหม่ให้ได้มาตรฐานการอุดมศึกษาและเตรียมความพร้อมสู่การเป็นประชาคมอาเซียน จำนวน 52 แห่ง ใช้งบประมาณทั้งหมด 68,000 ล้านบาท โดยเป็นงบผูกพัน 5 ปี (พ.ศ.2558-2562) ซึ่งจะต้องรอเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เพื่อเห็นชอบต่อไป โอกาสนี้ที่ประชุมยังหารือถึงแนวทางในการจัดสรรงบประมาณให้มหาวิทยาลัยกลุ่มใหม่ โดยเห็นว่าต้องกำหนดตัวชี้วัดที่สะท้อนในเรื่องผลงานการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่นมากขึ้น เพื่อที่ต่อไปการจัดสรรงบประมาณให้มหาวิทยาลัยต้องดูผลงานนั้นเป็นไปตามตัวชี้วัดที่กำหนดหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมา คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ได้หารือกับมหาวิทยาลัยกลุ่มใหม่เพื่อกำหนดตัวชี้วัดไปแล้ว เบื้องต้นจะมี 5 ด้าน ดังนี้ บุคลากรสายสอน นักศึกษา งานด้านวิชาการ หลักสูตร และการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน
ศ.(พิเศษ) ดร.ทศพร กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงเรื่องโครงสร้างอายุในปัจจุบันของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งขณะนี้กำลังคนในสถาบันอุดมศึกษาได้เปลี่ยนแปลงไป แบ่งเป็น ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา จำนวน 32,547 คน และพนักงานมหาวิทยาลัย จำนวน 80,056 คน จากมหาวิทยาลัยทั้งหมด 61 แห่ง จากตัวเลขจะเห็นว่าจำนวนพนักงานมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังพลภาครัฐ (คปร.) มีมติลดอัตรากำลังคนภาครัฐ เมื่อ พ.ศ. 2542 และที่ผ่านมามหาวิทยาลัยต่างก็พยายามจะดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพในด้านต่างๆ ของพนักงานมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งการดูแลมีความหลากหลาย บางแห่งก็สามารถดูได้อย่างสมบูรณ์ บางแห่งก็ไม่สมบูรณ์
“ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ คณะอนุกรรมการบริหารบุคลของ ก.พ.อ.ไปวิเคราะห์ผลจากการที่ลดจำนวนข้าราชการ ทำให้มหาวิทยาลัยเจริญก้าวหน้า ไปตามเจตนารมณ์ที่กำหนดไว้หรือไม่ รวมทั้งไปดูระบบการบริหารงานบุคลากร ทั้งเรื่องสวัสดิการต่างๆ ทั้ง เงินเดือน การรักษาพยาบาล รวมถึงเรื่องอุทธรณ์ร้องทุกข์ต่างๆ เพื่อจะได้นำมากำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำในการดูแลพนักงานมหาวิทยาลัยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเหมาะสม โดยจะส่งข้อมูลเกณฑ์ขั้นต่ำให้มหาวิทยาลัยพิจารณาหากเห็นด้วย อาจจะเสนอเป็นมติ ครม.เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้หากมีข้อเสนอดังกล่าวแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะยกเลิกการผลักดันร่างพ.ร.บ.บริหารงานบุคคล สถาบันอุดมศึกษา พ.ศ... แต่ร่างดังกล่าวต้องใช้เวลานาน ดังนั้น ระหว่างที่รอมหาวิทยาลัยก็สามารถใช้เกณฑ์ต่ำไปพิจารณาจัดสรรสวัสดิการได้ หรืออาจจะนำข้อมูลนี้ไปบรรจุไว้ในร่าง พ.ร.บ.ด้วยก็ได้” เลขาธิการ กกอ.กล่าว
ศ.(พิเศษ) ดร.ทศพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่ง ศาสตราจารย์ (ศ.) และศ.ขั้นสูง ก่อนนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง โดยเป็นตำแหน่ง ศ.จำนวน 4 ราย ดังนี้ รศ.ยิ่งยศ อวิหิงสานนท์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.อรรถชัย จินตะเวช คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รศ.รังสินี มหานนท์ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ รศ.บุญเรียง ขจรศิลป์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขณะเดียวกันยังเห็นชอบบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง ศ.ได้รับเงินเดือนขั้นสูง 3 ราย ศ.สุชาติ พหลภาคย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศ.อารี วิบูลย์พงศ์ คณะแพทยศาสตร์ มช.และ ศ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มช.
