คลินิกชุมชนอบอุ่นเสนอแก้ กม.ให้พยาบาลตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกได้ ภายใต้การควบคุมของแพทย์ พร้อมร้องขอออกตรวจนอกสถานที่เหมือน รพ.เอกชน ชี้ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองของประชาชน
นพ.พงษ์ศักดิ์ ศรีมุษิกโพธิ์ ผู้ประสานงานคลินิกชุมชนอบอุ่น เขตกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกวันนี้ยังคงมีปัญหาอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือแพทย์เท่านั้นที่เป็นผู้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ซึ่งจำนวนของแพทย์นั้นไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถเพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชนได้ โดยเฉพาะกลุ่มภาคเอกชนอย่าง รพ.เอกชน หรือคลินิกชุมชนอบอุ่นที่มีแผนต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ซึ่งต่างจากภาครัฐที่ในทางปฏิบัตินั้นให้เป็นการตรวจคัดกรองโดยอยู่ในความควบคุมของของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ก็คือให้พยาบาลเป็นผู้ดำเนินการโดยอยู่ในความควบคุมของแพทย์
นพ.พงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า 2.การออกไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกนอกสถานที่นั้น มีกฎกระทรวงตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 กำหนดให้สิทธิในการออกตรวจเฉพาะ รพ.เอกชนเท่านั้น ไม่รวมคลินิกเอกชน ทำให้ผลการตรวจคัดกรองน้อยลง ยกตัวอย่าง กลุ่มสาวโรงงาน หากไม่ไปตรวจคัดกรองถึงโรงงาน ก็เป็นเรื่องยากที่ผู้ประกอบการจะอนุญาตให้แรงงานหญิงออกมาตรวจในวันธรรมดา และการมาตรวจวันเสาร์หรืออาทิตย์ก็มีคลินิกเปิดให้บริการน้อย เป็นต้น จึงอยากให้มีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่อให้การป้องกันควบคุมโรคมีความจริงจังและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“แม้ภาครัฐจะให้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยอยู่ภายใต้ความควบคุมของแพทย์ แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมายอยู่ดี ซึ่งภาคเอกชนไม่สามารถดำเนินการอย่างภาครัฐได้ จึงอยากเสนอให้มีการแก้ พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม โดยให้แพทย์เป็นผู้ควบคุมการตรวจคัดกรองของพยาบาล หรือให้พยาบาลวิชาชีพสามารถตรวจคัดกรองเองได้ แต่ต้องได้รับใบรับรองจากแพทยสภา เป็นต้น รวมไปถึงแก้กฎกระทรวงที่กำหนดสิทธิการออกตรวจนอกสถานที่เป็นของ รพ.เอกชน เท่านั้น ให้ครอบคลุมไปถึงคลินิกเอกชนด้วย ก็จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกได้” นพ.พงษ์ศักดิ์ กล่าว
นพ.พงษ์ศักดิ์ ศรีมุษิกโพธิ์ ผู้ประสานงานคลินิกชุมชนอบอุ่น เขตกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกวันนี้ยังคงมีปัญหาอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือแพทย์เท่านั้นที่เป็นผู้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ซึ่งจำนวนของแพทย์นั้นไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถเพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชนได้ โดยเฉพาะกลุ่มภาคเอกชนอย่าง รพ.เอกชน หรือคลินิกชุมชนอบอุ่นที่มีแผนต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ซึ่งต่างจากภาครัฐที่ในทางปฏิบัตินั้นให้เป็นการตรวจคัดกรองโดยอยู่ในความควบคุมของของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ก็คือให้พยาบาลเป็นผู้ดำเนินการโดยอยู่ในความควบคุมของแพทย์
นพ.พงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า 2.การออกไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกนอกสถานที่นั้น มีกฎกระทรวงตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 กำหนดให้สิทธิในการออกตรวจเฉพาะ รพ.เอกชนเท่านั้น ไม่รวมคลินิกเอกชน ทำให้ผลการตรวจคัดกรองน้อยลง ยกตัวอย่าง กลุ่มสาวโรงงาน หากไม่ไปตรวจคัดกรองถึงโรงงาน ก็เป็นเรื่องยากที่ผู้ประกอบการจะอนุญาตให้แรงงานหญิงออกมาตรวจในวันธรรมดา และการมาตรวจวันเสาร์หรืออาทิตย์ก็มีคลินิกเปิดให้บริการน้อย เป็นต้น จึงอยากให้มีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่อให้การป้องกันควบคุมโรคมีความจริงจังและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“แม้ภาครัฐจะให้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยอยู่ภายใต้ความควบคุมของแพทย์ แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมายอยู่ดี ซึ่งภาคเอกชนไม่สามารถดำเนินการอย่างภาครัฐได้ จึงอยากเสนอให้มีการแก้ พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม โดยให้แพทย์เป็นผู้ควบคุมการตรวจคัดกรองของพยาบาล หรือให้พยาบาลวิชาชีพสามารถตรวจคัดกรองเองได้ แต่ต้องได้รับใบรับรองจากแพทยสภา เป็นต้น รวมไปถึงแก้กฎกระทรวงที่กำหนดสิทธิการออกตรวจนอกสถานที่เป็นของ รพ.เอกชน เท่านั้น ให้ครอบคลุมไปถึงคลินิกเอกชนด้วย ก็จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกได้” นพ.พงษ์ศักดิ์ กล่าว
