xs
xsm
sm
md
lg

Better Sight for Child : เพื่อเด็กไทยตาสว่างกันทั้งชาติ/Health Line สายตรงสุขภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ซึ่งมีบทบาทและหน้าที่ในการดูแลสุขภาพเด็กไทยทั่วประเทศได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาตาบอดในเด็ก เพราะเมื่อเด็กตาบอดจะเกิดผลกระทบต่อพัฒนาการและคุณภาพชีวิต ทำให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถพัฒนาได้เต็มศักยภาพในอนาคต ดังนั้น การป้องกันและแก้ไขเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะต้องรีบดำเนินการเพื่อลดจำนวนประชากรเด็กที่ตาบอดในอนาคต
“โครงการลดอัตราตาบอดในเด็กไทย : Better Sight for Child” จึงเกิดขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือเด็กที่มีปัญหาสภาวะสายตาที่ผิดปกติ ให้ได้รับการวินิจฉัยจาก จักษุแพทย์ และได้รับการแก้ไขให้ได้รับแว่นตาอันแรกที่เหมาะสมกับเด็ก ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง จากบริษัท เอสซีลอร์ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือสังคม โดยบริษัทเองมีมูลนิธิเอสซีลอร์ วิชัน ฟาวน์เดชั่น (Essilor Vision Foundation) ที่ให้ความช่วยเหลือผู้พิการทางสายตามาโดยตลอด
พญ.ขวัญใจ วงศกิตติรักษ์  หัวหน้ากลุ่มงานจักษุวิทยา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคัดกรองภาวะสายตาผิดปกติในเด็กว่า การวินิจฉัยและรักษาภาวะสายตาผิดปกติไม่ยุ่งยาก แต่การเข้าถึงกลุ่มเด็กยังเป็นปัญหาเนื่องจากขาดแคลนบุคคลากรทางการแพทย์ที่จะทำหน้าที่คัดกรองหาเด็กที่มีปัญหา และส่งต่อสถานพยาบาลเพื่อรับการตรวจและวัดสายตา ประกอบแว่นที่ได้มาตรฐาน

“ในขณะที่การวัดสายตาในเด็กแตกต่างจากการวัดสายตาในผู้ใหญ่ จำเป็นต้องใช้การหยอดยาเพื่อลดการเพ่งของตาเด็กและการประกอบแว่นตาให้เด็กต้องการความถูกต้อง แม่นยำ เพราะเด็กจะไม่สามารถบอกได้ว่าแว่นตาดีหรือไม่ดีการใส่แว่นที่ไม่ถูกต้องตรงตามสายตาเด็ก หรือระยะต่างๆ ในการประกอบแว่นไม่ถูกต้อง จะส่งผลเสียต่อสายตาเด็ก”
จากเหตุผลดังกล่าวจึงต้องมีการพัฒนาระบบบริการร่วมกันระหว่างโรงเรียนและสถานพยาบาลเพื่อให้มีการตรวจคัดกรองเด็กเบื้องต้นโดยครูที่ได้รับการฝึกอบรม และส่งต่อเด็กที่คัดกรองพบความผิดปกติไปยังสถานพยาบาล และพัฒนาให้มีการบริการตรวจวัดสายตาและประกอบแว่นในหน่วยบริการ ซึ่งกลุ่มงานจักษุวิทยา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีมีหลักสูตร “การวัดแว่นตาในเด็ก” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับจักษุแพทย์ พยาบาลเวชปฏิบัติทางจักษุ และนักทัศนมาตรที่สนใจเข้ารับการอบรม ระยะเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มบริการตรวจวัดสายตาในเด็ก ให้กระจายไปทั่วประเทศ
“กรณีตัวอย่างผู้ป่วยเด็กที่เข้ารับการส่งต่อเข้ารับการรักษาทางด้านสายตาได้อย่างทันกาลก่อนจะสายตาบอดในที่สุดเด็กชายกันต์อเนก บุตรคำ ถูกส่งตัวเข้ารับการตรวจรักษาที่ รพ.เด็ก ตั้งแต่อายุ 4 ปี ผู้ปกครองพามาตรวจที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีครั้งแรกเมื่ออายุ 4 ปี 11 เดือน โดยให้ประวัติว่าเด็กชอบดูโทรทัศน์ใกล้ๆตั้งแต่อายุ 2 ปี แต่ไม่ได้พาไปตรวจ แต่เพราะครูสังเกตว่าเวลาเรียนน้องต้องเพ่งมองใกล้ ครูให้พ่อแม่พาให้ตรวจ  หมอทำการตรวจพบว่าสายตาสั้นมาก ข้างขวา 5.50 ในขณะที่ข้างซ้ายสั้นถึง 12 Diopter (หน่วยการวัดสายตา) ยิ่งไปกว่านั้นเด็กมีภาวะตาขี้เกียจแล้ว การมองเห็นได้เพียง 30 เปอร์เซ็นต์ของที่ควรจะเป็น เพราะไม่ได้รับการรักษาประกอบแว่น ปัจจุบันน้องอายุ 7 ปี ระดับการมองเห็นได้มาถึง 90เปอร์เซ็นต์ หลังจากการรักษาด้วยแว่นตาและการกระตุ้นสายตา ที่สถาบันฯ”
เด็กที่มีภาวะสายตาผิดปกติและไม่ได้รับการแก้ไขจะมีผลกระทบในเชิงลบต่อการศึกษาและโอกาสในการทำงานในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของตนเอง ครอบครัว และคนในสังคมด้วยเช่นกันถึงเวลาแล้ว ที่ทุกคนมาร่วมกันรณรงค์ร่วมลดอัตราการเกิดตาบอดในเด็กไทย   ด้วยการคัดกรองสังเกตพฤติกรรมของเด็กเล็ก ซึ่งครู ผู้ดูแลเด็ก และผู้ปกครองสามารถทำได้เองเบื้องต้นได้อย่างง่าย  ก่อนที่อนาคตของเด็กน้อยที่เป็นกำลังของชาติจะดับมืดลง พญ.ขวัญใจ กล่าว

ขอบคุณข้อมูล : รายการ “Health Line สายตรงสุขภาพ” รายการที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 7.00-8.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และสามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ www.manager.co.th/vdo


กำลังโหลดความคิดเห็น