สธ.ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดโครงการสุขอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ปรับปรุงและสร้างส้วมให้โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร จำนวน 60 แห่ง รวม 600 ห้อง เพื่อให้เยาวชนในถิ่นทุรกันดารมีส้วมที่ได้มาตรฐาน ลดความเสี่ยงการจากโรคระบบทางเดินอาหารและสร้างพฤติกรรมการใช้ส้วมที่ถูกต้อง
วันนี้ (15 พ.ย.) ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานงานแถลงข่าวโครงการสุขอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ชั้น G ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำริในการพัฒนาเด็กและเยาวชนตลอดจนประชาชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารมาตั้งแต่ปี 2523 เพื่อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมากรมอนามัยได้สนองพระราชดำริโดยดำเนินงานโครงการต่างๆ เพื่อให้ความรู้ด้านการส่งเสริมสุขภาพ และอนามัยสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการมีสุขภาพดี ส่งผลให้ภาวะสุขภาพของเด็กและเยาวชนดีขึ้น แต่ยังพบว่าในหลายพื้นที่ยังขาดการจัดหาน้ำดื่มที่สะอาดและการสุขาภิบาลที่ถูกต้อง คือ ขาดแคลนส้วม ส้วมมีสภาพชำรุด ไม่ปลอดภัย ไม่สะอาดมีกลิ่นเหม็น เมื่อพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจในโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร จึงทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดูแลให้โรงเรียนในถิ่นทุรกันดารมีส้วมที่สะอาดและเพียงพอต่อการใช้งาน
ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัยได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา บริษัท สยามซานิทารีแวร์ จำกัด บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัท วี.อาร์.แฮนด์เดิล จำกัด บริษัท คอลเกต ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด บริษัท ไฮคิว ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด มูลนิธิโอสถสภาสมาพันธ์ออฟโรดประเทศไทย มูลนิธิโรคข้อฯ และภาคีเครือข่ายอื่นๆ ที่แสดงความจำนงเข้าจัดทำโครงการสุขอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2558 ด้วยการปรับปรุงและสร้างส้วมให้กับโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร 60 แห่ง จำนวน 600 ห้องส้วมขึ้น ให้ส้วมโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารสะอาดได้มาตรฐาน รวมทั้งสร้างอนามัยพื้นฐานให้กับเด็กและเยาวชนให้ดีขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติได้รายงานว่าในจำนวนประชากร 7,000 ล้านคน ไม่มีห้องส้วมใช้ 2,500 ล้านคน และมี 1,100 ล้านคน ขับถ่ายในที่สาธารณะซึ่งเป็นสิ่งคุกคามต่อสุขภาพของประชาชนในแต่ละปีมีเด็กวัยต่ำกว่า 5 ขวบ จำนวน 760,000 คนทั่วโลก เสียชีวิตจากการเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินอาหารสำหรับการพัฒนาส้วมในประเทศไทย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินโครงการรณรงค์สร้างส้วม 100% จนประสบผลสำเร็จ ทำให้ปัจจุบันครัวเรือนไทยมีส้วมถูกหลักสุขาภิบาล ร้อยละ 98.1 และพัฒนาส้วมสาธารณะไทยจนผ่านเกณฑ์มาตรฐาน HAS (สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย) ร้อยละ 66.83
อธิบดีกรมอนามัยกล่าวในตอนท้ายว่า กรมอนามัยยังได้รณรงค์ให้ประชาชนมีความตระหนักถึงพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะอย่างถูกต้อง โดยไม่ขึ้นไปเหยียบบนโถส้วมแบบนั่งราบ ราดน้ำ หรือกดชักโครกทุกครั้งก่อนและหลังการใช้ส้วม ไม่ทิ้งวัสดุอื่น นอกจากกระดาษชำระลงโถส้วม และล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดทุกครั้งหลังการใช้ส้วมเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรค อาทิ โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ บิดไทฟอยด์ และ อหิวาตกโรค เป็นต้น