อย.เตือนระวัง “ยาลดอ้วนสูตรค็อกเทล” พบขายทางเน็ตอื้อ แอบอ้างยี่ห้อตามชื่อโรงพยาบาลเพียบ เผยมี “ไซบูทรามีน” ที่ถูกเพิกถอนแล้วผสมอยู่ เสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดถึง 16% ระบุยาสูตรค็อกเทลผสมกันมั่ว ทั้งยาระบาย ยาขับปัสสาวะ ใช้ร่วมกันนานทำให้อ่อนเพลีย ขาดสารอาหาร
วันนี้ (12 พ.ย.)นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ อย.ได้รับข้อมูลจากหน่วยควบคุมกำกับด้านยา (Health Sciences Authority : HSA) ประเทศสิงคโปร์ ว่า ศุลกากรประเทศสิงคโปร์ตรวจพบผู้โดยสารหญิงนำยาเม็ดไม่ระบุชื่อจำนวนหลายชนิด คาดว่าสั่งจ่ายโดยโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่นำยาไปตรวจวิเคราะห์พบว่า เป็นยาชุดลดน้ำหนักของตัวยาแผนปัจจุบันหลายชนิดผสมกันหรือที่เรียกว่า “ยาสูตรค็อกเทล” มีทั้งยาระบาย ยาขับปัสสาวะ ยาที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญ ยาที่ช่วยระงับความอยากอาหาร โดยมีชื่อตัวยาดังนี้ bisacodyl, chlorpheniramine, fluoxetine, thyroxine, frusemide, sibutramine และ hydrochlorothiazide
นพ.บุญชัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ HSA ได้สอบสวนเพิ่มเติมพบว่า ยาชุดดังกล่าวมีการจำหน่ายทางอินเทอร์เน็ต และ online forum ในชื่อ “Slimming Pills” ยี่ห้อต่างๆ เช่น ยี่ห้อตามชื่อโรงพยาบาล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สำหรับยาไซบูทรามีน บริษัทผู้ผลิตผู้จำหน่ายยาไซบูทรามีนรายเดียวในประเทศไทย ได้เรียกคืนยาที่มีส่วนประกอบยาไซบูทรามีน และแจ้งขอยกเลิกทะเบียนตำรับยาทุกตำรับที่มีส่วนประกอบยาไซบูทรามีนแล้ว เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2553 เนื่องจากข้อมูลการทดลองทางคลินิกชี้ให้เห็นว่า ยาดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงต่อกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมองถึงร้อยละ 16 นอกจากนี้ ยังมีอาการที่พบบ่อยคือ ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นเร็ว ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และท้องผูก เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน อย.ได้เพิกถอนยาไซบูทรามีนออกจากตลาดแล้ว
“สำหรับยาแผนปัจจุบันตัวอื่นๆ ที่ตรวจพบในสูตรค็อกเทล หากใช้โดยไม่อยู่ในความดูแลของแพทย์ อาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ เช่น การใช้ bisacodyl ซึ่งเป็นยาระบายร่วมกับ frusemide ซึ่งเป็นยาขับปัสสาวะร่วมกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ผู้ป่วยอ่อนเพลียและขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย” เลขาธิการ อย.กล่าว
ด้าน นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ อย.กล่าวว่า จากการตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชนที่คาดว่าเป็นผู้จ่ายยาสูตรค็อกเทลดังกล่าวพบว่า โรงพยาบาลไม่ได้มีการจำหน่ายยาแต่อย่างใด ส่วนการที่มียาที่มีส่วนผสมของยาไซบูทรามีนจำหน่ายอยู่ในประเทศนั้น อาจเกิดจากการนำเข้า หรือแอบผลิตภายในประเทศ หรือเป็นยาที่ผลิตก่อนที่ อย.จะเพิกถอนเมื่อ ต.ค. 2553 จึงอาจมีการตกค้างอยู่ อย่างไรก็ตาม อย.กำลังเร่งสืบหาต้นตอของยาดังกล่าว โดยเฉพาะการขายยาดังกล่าวทางอินเทอร์เน็ต เพื่อดำเนินคดีกับผู้ผลิตหรือนำเข้าต่อไป
วันนี้ (12 พ.ย.)นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ อย.ได้รับข้อมูลจากหน่วยควบคุมกำกับด้านยา (Health Sciences Authority : HSA) ประเทศสิงคโปร์ ว่า ศุลกากรประเทศสิงคโปร์ตรวจพบผู้โดยสารหญิงนำยาเม็ดไม่ระบุชื่อจำนวนหลายชนิด คาดว่าสั่งจ่ายโดยโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่นำยาไปตรวจวิเคราะห์พบว่า เป็นยาชุดลดน้ำหนักของตัวยาแผนปัจจุบันหลายชนิดผสมกันหรือที่เรียกว่า “ยาสูตรค็อกเทล” มีทั้งยาระบาย ยาขับปัสสาวะ ยาที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญ ยาที่ช่วยระงับความอยากอาหาร โดยมีชื่อตัวยาดังนี้ bisacodyl, chlorpheniramine, fluoxetine, thyroxine, frusemide, sibutramine และ hydrochlorothiazide
นพ.บุญชัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ HSA ได้สอบสวนเพิ่มเติมพบว่า ยาชุดดังกล่าวมีการจำหน่ายทางอินเทอร์เน็ต และ online forum ในชื่อ “Slimming Pills” ยี่ห้อต่างๆ เช่น ยี่ห้อตามชื่อโรงพยาบาล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สำหรับยาไซบูทรามีน บริษัทผู้ผลิตผู้จำหน่ายยาไซบูทรามีนรายเดียวในประเทศไทย ได้เรียกคืนยาที่มีส่วนประกอบยาไซบูทรามีน และแจ้งขอยกเลิกทะเบียนตำรับยาทุกตำรับที่มีส่วนประกอบยาไซบูทรามีนแล้ว เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2553 เนื่องจากข้อมูลการทดลองทางคลินิกชี้ให้เห็นว่า ยาดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงต่อกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมองถึงร้อยละ 16 นอกจากนี้ ยังมีอาการที่พบบ่อยคือ ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นเร็ว ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และท้องผูก เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน อย.ได้เพิกถอนยาไซบูทรามีนออกจากตลาดแล้ว
“สำหรับยาแผนปัจจุบันตัวอื่นๆ ที่ตรวจพบในสูตรค็อกเทล หากใช้โดยไม่อยู่ในความดูแลของแพทย์ อาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ เช่น การใช้ bisacodyl ซึ่งเป็นยาระบายร่วมกับ frusemide ซึ่งเป็นยาขับปัสสาวะร่วมกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ผู้ป่วยอ่อนเพลียและขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย” เลขาธิการ อย.กล่าว
ด้าน นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ อย.กล่าวว่า จากการตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชนที่คาดว่าเป็นผู้จ่ายยาสูตรค็อกเทลดังกล่าวพบว่า โรงพยาบาลไม่ได้มีการจำหน่ายยาแต่อย่างใด ส่วนการที่มียาที่มีส่วนผสมของยาไซบูทรามีนจำหน่ายอยู่ในประเทศนั้น อาจเกิดจากการนำเข้า หรือแอบผลิตภายในประเทศ หรือเป็นยาที่ผลิตก่อนที่ อย.จะเพิกถอนเมื่อ ต.ค. 2553 จึงอาจมีการตกค้างอยู่ อย่างไรก็ตาม อย.กำลังเร่งสืบหาต้นตอของยาดังกล่าว โดยเฉพาะการขายยาดังกล่าวทางอินเทอร์เน็ต เพื่อดำเนินคดีกับผู้ผลิตหรือนำเข้าต่อไป
