“สมคิด” โชว์วิสัยทัศน์มุ่ง 3 นโยบายหลักพัฒนา มธ.สร้างงานวิจัย นำพา มธ.ติดอันดับนานาชาติโดยยังคงไว้ความเป็นอัตลักษณ์ มธ.ไว้ พร้อมเดินหน้าตั้งคณะศึกษาศาสตร์ ตั้งเป้าสร้างครูพันธุ์ใหม่ตอบโจทย์ประเทศ และปรับแนวการสอนใหม่บรรยายน้อยลงให้ผู้เรียนออกไปค้นคว้ามากขึ้น
วันนี้ (31 ต.ค.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ.ในฐานะผู้เข้ารับการสรรหาอธิการบดี มธ.กล่าวแสดงวิสัยทัศน์การบริหารงานในอีก 3 ปีข้างหน้า ต่อคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี มธ.ที่มีนายมานิจ สุขสมจิตร กรรมการสภา มธ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน ว่า ตนมีนโยบายที่จะสานต่องานหลักๆ ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะเรื่องการผลักดันให้มีการสร้างงานวิจัยเพิ่มขึ้นและพัฒนา มธ.ให้มีความเป็นนานาชาติ โดยจะต้องดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรมศาสตร์ ที่มีคุณธรรม กล้าต่อสู้ และเสียสละ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้ที่ผ่านมา มธ.ดำเนินการไปได้ดีพอสมควรและคงต้องพัฒนาให้เกิดความต่อเนื่อง ส่วนเรื่องใหม่ที่จะต้องเร่งดำเนินการ คือ การผลักดันให้ มธ.เปลี่ยนสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ หรือ ม.นอกระบบ โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
ขณะเดียวกัน จะเร่งตั้งคณะศึกษาศาสตร์ขึ้นเพื่อให้ มธ.สามารถดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนธรรมศาสตร์วิทยานุสรณ์ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนเคยเสนอตั้งโรงเรียนดังกล่าวแต่สำนักงบประมาณตอบกลับมาว่า จะสนับสนุนงบประมาณให้มหาวิทยาลัยจัดตั้งโรงเรียนได้ก็ต่อเมื่อมีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ในสังกัด แต่การตั้งคณะศึกษาศาสตร์ขึ้นนั้นไม่ได้หมายความว่า มธ.ต้องการเปิดโรงเรียนเท่านั้น แต่ต้องการเข้ามาช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตครูพันธุ์ใหม่ที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการของสังคมด้วย ซึ่งเบื้องต้นอาจจะผลิตในจำนวนที่ไม่มากนัก
ศ.ดร.สมคิด กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะต้องมีการปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนของ มธ.ใหม่ โดยอยากให้มีการเรียนการสอนในรูปแบบ Teaching Based Learning น้อยลง และเพิ่มการเรียนการสอนที่อาจารย์บรรยายหน้าห้องน้อยลง และต้องโจทย์ให้เด็กทำการค้นคว้าและวิจัยให้มากขึ้น นอกจากนั้นจะพัฒนา มธ.ให้สามารถติดอันดับมหาวิทยาลัยโลกในลำดับที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันในระดับเอเชีย มธ.อยู่ในลำดับที่ 100 กว่าๆ แต่หลังจากนี้จะต้องอยู่ในลำดับที่ต่ำกว่า 100 ขณะที่ในประเทศไทย มธ.อยู่ในอันดับที่ 4 โดยตั้งเป้าจะขยับให้ มธ.อยู่ในอันดับที่สูงขึ้นอย่างน้อยเป็นอันดับที่ 3
“3 ปีข้างหน้าเราจะต้องทำงานให้มากขึ้น และอยากให้ประชาคม มธ.มั่นใจว่า แม้จะเข้ามารับตำแหน่งอธิการบดี มธ.ในสมัยที่ 2 ก็จะไม่ผ่อนแรง จะดำเนินการตามนโยบายทุกอย่างตามที่ได้พูดไว้อย่างสุดความสามารถ และการกลับเข้ามาเป็นอธิการบดี มธ.สมัยที่ 2 ก็จะมีข้อดี เพราะรู้ว่าจะดำเนินการทิศทางใดเพื่อให้นโยบายไปสู่ความสำเร็จและก้าวไปข้างหน้าอย่างที่ประชาคม มธ.มุ่งหวัง” ศ.ดร.สมคิด กล่าว
ด้าน นายมานิจ กล่าวว่า ตนจะนำรายชื่อผู้ได้รับการสรรหาเป็นอธิการบดี มธ.เข้าสู่การพิจารณาของสภา มธ.ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแสดงวิสัยทัศน์ครั้งนี้ มี ศ.ดร.สมคิด เพียงคนเดียวที่เข้าแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการสรรหาฯ เนื่องจากเป็นคนเดียวที่ตอบรับการทาบทาม เข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดี มธ.จากผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งหมด 44 คน ทั้งนี้ ศ.ดร.สมคิด จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งอธิการบดี มธ.สมัยแรก ในวันที่ 7 ธ.ค. 2556
วันนี้ (31 ต.ค.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ.ในฐานะผู้เข้ารับการสรรหาอธิการบดี มธ.กล่าวแสดงวิสัยทัศน์การบริหารงานในอีก 3 ปีข้างหน้า ต่อคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี มธ.ที่มีนายมานิจ สุขสมจิตร กรรมการสภา มธ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน ว่า ตนมีนโยบายที่จะสานต่องานหลักๆ ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะเรื่องการผลักดันให้มีการสร้างงานวิจัยเพิ่มขึ้นและพัฒนา มธ.ให้มีความเป็นนานาชาติ โดยจะต้องดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรมศาสตร์ ที่มีคุณธรรม กล้าต่อสู้ และเสียสละ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้ที่ผ่านมา มธ.ดำเนินการไปได้ดีพอสมควรและคงต้องพัฒนาให้เกิดความต่อเนื่อง ส่วนเรื่องใหม่ที่จะต้องเร่งดำเนินการ คือ การผลักดันให้ มธ.เปลี่ยนสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ หรือ ม.นอกระบบ โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
ขณะเดียวกัน จะเร่งตั้งคณะศึกษาศาสตร์ขึ้นเพื่อให้ มธ.สามารถดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนธรรมศาสตร์วิทยานุสรณ์ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนเคยเสนอตั้งโรงเรียนดังกล่าวแต่สำนักงบประมาณตอบกลับมาว่า จะสนับสนุนงบประมาณให้มหาวิทยาลัยจัดตั้งโรงเรียนได้ก็ต่อเมื่อมีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ในสังกัด แต่การตั้งคณะศึกษาศาสตร์ขึ้นนั้นไม่ได้หมายความว่า มธ.ต้องการเปิดโรงเรียนเท่านั้น แต่ต้องการเข้ามาช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตครูพันธุ์ใหม่ที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการของสังคมด้วย ซึ่งเบื้องต้นอาจจะผลิตในจำนวนที่ไม่มากนัก
ศ.ดร.สมคิด กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะต้องมีการปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนของ มธ.ใหม่ โดยอยากให้มีการเรียนการสอนในรูปแบบ Teaching Based Learning น้อยลง และเพิ่มการเรียนการสอนที่อาจารย์บรรยายหน้าห้องน้อยลง และต้องโจทย์ให้เด็กทำการค้นคว้าและวิจัยให้มากขึ้น นอกจากนั้นจะพัฒนา มธ.ให้สามารถติดอันดับมหาวิทยาลัยโลกในลำดับที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันในระดับเอเชีย มธ.อยู่ในลำดับที่ 100 กว่าๆ แต่หลังจากนี้จะต้องอยู่ในลำดับที่ต่ำกว่า 100 ขณะที่ในประเทศไทย มธ.อยู่ในอันดับที่ 4 โดยตั้งเป้าจะขยับให้ มธ.อยู่ในอันดับที่สูงขึ้นอย่างน้อยเป็นอันดับที่ 3
“3 ปีข้างหน้าเราจะต้องทำงานให้มากขึ้น และอยากให้ประชาคม มธ.มั่นใจว่า แม้จะเข้ามารับตำแหน่งอธิการบดี มธ.ในสมัยที่ 2 ก็จะไม่ผ่อนแรง จะดำเนินการตามนโยบายทุกอย่างตามที่ได้พูดไว้อย่างสุดความสามารถ และการกลับเข้ามาเป็นอธิการบดี มธ.สมัยที่ 2 ก็จะมีข้อดี เพราะรู้ว่าจะดำเนินการทิศทางใดเพื่อให้นโยบายไปสู่ความสำเร็จและก้าวไปข้างหน้าอย่างที่ประชาคม มธ.มุ่งหวัง” ศ.ดร.สมคิด กล่าว
ด้าน นายมานิจ กล่าวว่า ตนจะนำรายชื่อผู้ได้รับการสรรหาเป็นอธิการบดี มธ.เข้าสู่การพิจารณาของสภา มธ.ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแสดงวิสัยทัศน์ครั้งนี้ มี ศ.ดร.สมคิด เพียงคนเดียวที่เข้าแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการสรรหาฯ เนื่องจากเป็นคนเดียวที่ตอบรับการทาบทาม เข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดี มธ.จากผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งหมด 44 คน ทั้งนี้ ศ.ดร.สมคิด จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งอธิการบดี มธ.สมัยแรก ในวันที่ 7 ธ.ค. 2556