กทม.เผยพบเด็กต่ำกว่า 18 ปี เป็นเบาหวานเพิ่มมากขึ้น เหตุรับประทานอาหารจังก์ฟูด-น้ำอัดลม ชี้พบผู้ป่วยตายด้วยเบาหวานกว่า 7 พันคนต่อปี
วันนี้ (24 ต.ค.)นางวันทนีย์ วัฒนะ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดกิจกรรมวันเบาหวานโลก ปี 2556 โดยมี ศาสตราจารย์แพทย์หญิง วรรณี นิธิยานันท์ นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย เข้าร่วม
นางวันทนีย์ กล่าวว่า จากการสำรวจในปี 2555 พบว่า กรุงเทพมหานครมีผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวนกว่า 64,000 คน โดยจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวถึง 7,000 คนต่อปี หรือประมาณ 19 คนต่อวัน และจำนวนผู้ป่วยจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยผู้ป่วยที่พบส่วนใหญ่จะมีอายุ 35 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ยังมีประชาชนอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคดังกล่าว ซึ่งผู้ป่วยโรคเบาหวานหากไม่ดูแลและควบคุมการเจ็บป่วย อาจเกิดภาวะโรคแทรกซ้อนและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
นางวันทนีย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้โรคเบาหวานยังพบในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ค่อนข้างมาก จำนวนกว่า 9,000 คน โดยเป็นเด็กกรุงเทพมหานครกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งโรคเบาหวานในเด็กจะเกิดได้จาก 1.ภูมิคุ้มกันบกพร่องทำให้เชื้อไวรัสไปทำลายตับอ่อน 2.มีโรคประจำตัวและมีโรคแทรกซ้อน 3.เด็กมีภาวะอ้วน ทำให้เป็นโรค ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีเด็กที่เป็นโรคเบาหวานเกิดจากภาวะอ้วนกว่า 18 เปอร์เซ็นต์ และมีเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี เนื่องจากเด็กมีภาวะอ้วนเพิ่มมากขึ้น โดยสาเหตุหลักเนื่องจากปัจจุบันเด็กจะนิยมดื่มน้ำหวานน้ำอัดลม และรับประทานอาหารขยะ (จังก์ฟูด)
อย่างไรก็ตามโรคเบาหวานสามารถคัดกรองเพื่อป้องกันได้ โดยวันที่ 14 พ.ย.นี้ เป็นวันเบาหวานของโลก โดย กทม.จะออกคัดกรองประชาชนที่ต้องการจะตรวจหาเบาหวาน โดยประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้ฟรีตามศูนย์สาธารณสุขในสังกัด กทม.ทุกแห่ง