สปส.ตั้งทีมศึกษาปรับเกณฑ์เบิกค่าคลอดบุตร เล็งวาง 2 ทางเลือกให้ รพ.เบิก สปส.-ผู้ประกันตนนำหลักฐานมาเบิกภายหลังคาด 2 เดือน ได้ข้อสรุปชัดเจน
วันนี้ (15 ต.ค.) นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงาน (รง.) และรักษาการเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีโรงพยาบาลเอกชนในระบบประกันสังคม ไม่รับทำคลอดหญิงตั้งครรภ์ทำให้ทารกเสียชีวิตว่า เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าโรงพยาบาลกระทำผิดมาตรฐานการรักษาตามสัญญาของ สปส.หรือไม่ คาดว่าจะสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามโรงพยาบาลในระบบประกันสังคมทุกแห่งจะให้การรักษาโรคต่างๆ ยกเว้นการคลอดบุตรโดยสิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตรของประกันสังคมที่กำหนดไว้ให้ผู้ประกันตนสามารถเบิกเงินค่าคลอดบุตรได้คนละ 1.3 หมื่นบาทต่อการคลอดบุตร 1 คน และไปคลอดบุตรที่โรงพยาบาลใดก็ได้โดยสำรองเงินจ่ายไปก่อน และนำหลักฐานการจ่ายเงินมายื่นเบิกเงินจาก สปส.ภายหลัง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนได้เลือกโรงพยาบาลที่ตนเองมีความมั่นใจในการไปคลอดบุตร
นายจีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า สปส.ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การเบิกเงินสิทธิประโยชน์ค่าคลอดบุตรของผู้ประกันตนจากปัจจุบันให้ผู้ประกันตนที่คลอดบุตรสำรองเงินจ่ายไปก่อน และนำหลักฐานการจ่ายเงินมายื่นเบิกเงินจาก สปส.ภายหลังเป็นให้โรงพยาบาลที่ทำคลอดมาเบิกเงินจาก สปส.โดยตรง อย่างไรก็ตาม จากการรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกันตนในเบื้องต้นพบว่า ผู้ประกันตนบางส่วนอยากให้ใช้แนวทางในปัจจุบัน เนื่องจากเกรงว่าโรงพยาบาลจะเขียนข้อมูลเบิกเงินในราคาที่สูงขึ้น จนผู้ประกันตนไม่มีเงินเหลือ อีกส่วนหนึ่งก็เห็นด้วยที่จะให้โรงพยาบาลเบิกค่าทำคลอดจาก สปส.โดยตรง
“ผมได้ให้คณะทำงานจะเร่งศึกษาและหาข้อสรุปแล้วนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการการแพทย์ในเดือน พ.ย.นี้ หลังจากนั้นจะจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นผู้ประกันตนว่าต้องการทางเลือกแบบใดหรือควรให้มีทั้งสองทางเลือก ทั้งนี้โดยส่วนตัวคิดว่าอยากให้มี 2 ทางเลือก คาดว่าภายใน 2 เดือนจะมีความชัดเจนในการปรับเกณฑ์ดังกล่าว” นายจีรศักดิ์ กล่าว
วันนี้ (15 ต.ค.) นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงาน (รง.) และรักษาการเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีโรงพยาบาลเอกชนในระบบประกันสังคม ไม่รับทำคลอดหญิงตั้งครรภ์ทำให้ทารกเสียชีวิตว่า เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าโรงพยาบาลกระทำผิดมาตรฐานการรักษาตามสัญญาของ สปส.หรือไม่ คาดว่าจะสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามโรงพยาบาลในระบบประกันสังคมทุกแห่งจะให้การรักษาโรคต่างๆ ยกเว้นการคลอดบุตรโดยสิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตรของประกันสังคมที่กำหนดไว้ให้ผู้ประกันตนสามารถเบิกเงินค่าคลอดบุตรได้คนละ 1.3 หมื่นบาทต่อการคลอดบุตร 1 คน และไปคลอดบุตรที่โรงพยาบาลใดก็ได้โดยสำรองเงินจ่ายไปก่อน และนำหลักฐานการจ่ายเงินมายื่นเบิกเงินจาก สปส.ภายหลัง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนได้เลือกโรงพยาบาลที่ตนเองมีความมั่นใจในการไปคลอดบุตร
นายจีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า สปส.ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การเบิกเงินสิทธิประโยชน์ค่าคลอดบุตรของผู้ประกันตนจากปัจจุบันให้ผู้ประกันตนที่คลอดบุตรสำรองเงินจ่ายไปก่อน และนำหลักฐานการจ่ายเงินมายื่นเบิกเงินจาก สปส.ภายหลังเป็นให้โรงพยาบาลที่ทำคลอดมาเบิกเงินจาก สปส.โดยตรง อย่างไรก็ตาม จากการรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกันตนในเบื้องต้นพบว่า ผู้ประกันตนบางส่วนอยากให้ใช้แนวทางในปัจจุบัน เนื่องจากเกรงว่าโรงพยาบาลจะเขียนข้อมูลเบิกเงินในราคาที่สูงขึ้น จนผู้ประกันตนไม่มีเงินเหลือ อีกส่วนหนึ่งก็เห็นด้วยที่จะให้โรงพยาบาลเบิกค่าทำคลอดจาก สปส.โดยตรง
“ผมได้ให้คณะทำงานจะเร่งศึกษาและหาข้อสรุปแล้วนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการการแพทย์ในเดือน พ.ย.นี้ หลังจากนั้นจะจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นผู้ประกันตนว่าต้องการทางเลือกแบบใดหรือควรให้มีทั้งสองทางเลือก ทั้งนี้โดยส่วนตัวคิดว่าอยากให้มี 2 ทางเลือก คาดว่าภายใน 2 เดือนจะมีความชัดเจนในการปรับเกณฑ์ดังกล่าว” นายจีรศักดิ์ กล่าว