ชาวไทยมุสลิมเดินทางแสวงบุญฮัจญ์ที่ซาอุฯ ตายแล้ว 2 ราย จากโรคหัวใจและไตวาย สธ.เผยทีมแพทย์ที่ส่งไปดูแลตรวจรักษาแล้วกว่า 1.2 พันราย ส่วนใหญ่ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ แต่ยังยันไม่พบการป่วยด้วยโรคโคโรนาไวรัส
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการส่งทีมแพทย์-พยาบาลไปดูแลสุขภาพผู้แสวงบุญชาวไทยมุสลิมกว่า 10,400 ราย ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. นั้น พบว่า มีผู้มารับบริการตรวจรักษาแล้วจำนวน 1,282 คน เป็นชาย 688 คน หญิง 594 คน รับไว้ดูแลจำนวน 21 ราย และส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลซาอุดิอาระเบีย 12 ราย ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่เข้ารับบริการส่วนใหญ่ ร้อยละ 47.2 ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ รองลงมาร้อยละ 18.3 ป่วยด้วยโรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก และร้อยละ 2.4 ป่วยด้วยโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด พบมีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย จากโรคหัวใจและไตวาย ส่วนโรคโคโรนาไวรัสที่มีรายงานการระบาดในประเทศซาอุดิอาระเบียนั้น จากการเฝ้าระวังโรคอย่างต่อเนื่อง ยังไม่พบผู้แสวงบุญชาวไทยป่วยด้วยโรคนี้ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้กรมควบคุมโรคคงมาตรการการเฝ้าระวังป้องกันโรคอย่างเข้มงวด และดูแลสุขภาพผู้แสวงบุญที่เดินทางกลับให้เป็นอย่างดี
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคได้วางระบบดูแลผู้แสวงบุญที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ให้มีความปลอดภัย และสามารถดูแลสุขภาพ รวมถึงป้องกันและควบคุมโรคอย่างดีที่สุด โดยก่อนเดินทาง จะมีการอบรมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ บริการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลและมอบสมุดสุขภาพ (Health passport) ประจำตัว และฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นและไข้หวัดใหญ่ พร้อมออกเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโรค ขณะอยู่ในประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้จัดส่งหน่วยแพทย์กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 3 ทีม รวม 42 คน ไปประจำที่เมืองมักกะห์ และเมืองมาดีนะ เพื่อให้บริการตรวจรักษาแบบผู้ป่วยนอกและฉุกเฉิน ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค โดยประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลของประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่สำคัญคือ การเฝ้าระวังและป้องกันโรคสำหรับผู้แสวงบุญที่เดินทางกลับจากซาอุดิอาระเบีย จะมีระบบการติดตามและตรวจสุขภาพให้กับผู้แสวงบุญเป็นระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งต้องขอความร่วมมือผู้แสวงบุญที่เดินทางกลับมา หากมีอาการป่วย ขอให้แจ้งประวัติการเดินทางไปแสวงบุญให้แพทย์ทราบด้วย นอกจากนี้ ได้ประสานงานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่มีผู้แสวงบุญ และสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร รวมจำนวน 53 จังหวัด ในการเฝ้าระวังติดตามอย่างต่อเนื่อง
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการส่งทีมแพทย์-พยาบาลไปดูแลสุขภาพผู้แสวงบุญชาวไทยมุสลิมกว่า 10,400 ราย ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. นั้น พบว่า มีผู้มารับบริการตรวจรักษาแล้วจำนวน 1,282 คน เป็นชาย 688 คน หญิง 594 คน รับไว้ดูแลจำนวน 21 ราย และส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลซาอุดิอาระเบีย 12 ราย ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่เข้ารับบริการส่วนใหญ่ ร้อยละ 47.2 ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ รองลงมาร้อยละ 18.3 ป่วยด้วยโรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก และร้อยละ 2.4 ป่วยด้วยโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด พบมีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย จากโรคหัวใจและไตวาย ส่วนโรคโคโรนาไวรัสที่มีรายงานการระบาดในประเทศซาอุดิอาระเบียนั้น จากการเฝ้าระวังโรคอย่างต่อเนื่อง ยังไม่พบผู้แสวงบุญชาวไทยป่วยด้วยโรคนี้ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้กรมควบคุมโรคคงมาตรการการเฝ้าระวังป้องกันโรคอย่างเข้มงวด และดูแลสุขภาพผู้แสวงบุญที่เดินทางกลับให้เป็นอย่างดี
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคได้วางระบบดูแลผู้แสวงบุญที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ให้มีความปลอดภัย และสามารถดูแลสุขภาพ รวมถึงป้องกันและควบคุมโรคอย่างดีที่สุด โดยก่อนเดินทาง จะมีการอบรมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ บริการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลและมอบสมุดสุขภาพ (Health passport) ประจำตัว และฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นและไข้หวัดใหญ่ พร้อมออกเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโรค ขณะอยู่ในประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้จัดส่งหน่วยแพทย์กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 3 ทีม รวม 42 คน ไปประจำที่เมืองมักกะห์ และเมืองมาดีนะ เพื่อให้บริการตรวจรักษาแบบผู้ป่วยนอกและฉุกเฉิน ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค โดยประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลของประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่สำคัญคือ การเฝ้าระวังและป้องกันโรคสำหรับผู้แสวงบุญที่เดินทางกลับจากซาอุดิอาระเบีย จะมีระบบการติดตามและตรวจสุขภาพให้กับผู้แสวงบุญเป็นระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งต้องขอความร่วมมือผู้แสวงบุญที่เดินทางกลับมา หากมีอาการป่วย ขอให้แจ้งประวัติการเดินทางไปแสวงบุญให้แพทย์ทราบด้วย นอกจากนี้ ได้ประสานงานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่มีผู้แสวงบุญ และสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร รวมจำนวน 53 จังหวัด ในการเฝ้าระวังติดตามอย่างต่อเนื่อง