กทม.ส่งคำพิพากษารถเรือดับเพลิงให้ศาลระหว่างประเทศ

กทม.ส่งคำวินิจฉัยคดีรถเรือดับเพลิงของศาลฎีกาให้ศาลระหว่างประเทศแล้ว “คุณชาย” แย้มสัปดาห์หน้า เตรียมพบทีมทนายของคดี

วันนี้ (16 ก.ย.) ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงถึงกรณีศาลฎีกาตัดสินคดีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงระหว่าง กทม.และบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเซียล ฟาห์รซอยก์ จำกัด

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ทาง กทม.ได้มีการศึกษาคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ว่ารูปคดีมีนัยเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งฝ่ายกฎหมายของ กทม.อยู่ระหว่างการหาข้อสรุป และขณะนี้ กทม.ได้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คือได้ส่งเรื่องให้สำนักอัยการสูงสุดฟ้องบริษัท สไตเออร์ฯ จำกัด เพื่อเพิกถอนสัญญาซื้อขายรถและเรือดับเพลิงต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาการค้าระหว่างประเทศ และคดีนี้ได้ดำเนินการนานกว่า 3 ปีมาแล้ว โดยขณะนี้ ทีมกฎหมายของ กทม.ได้ดำเนินการแปลคำวินิจฉัยของศาลฎีกาเพื่อส่งไปให้ทีมทนายความที่ดูแลคดีนี้ของ กทม.ยังกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อศึกษาว่ามีวิธีการดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าตนจะเดินทางไปพบทีมทนายของคดีดังกล่าวเพื่อหารือเบื้องต้นถึงคำวินิจฉัยและรูปแบบการดำเนินคดี

ทั้งนี้ตนอยากให้มีความเข้าใจตรงกันว่า คำวินิจฉัยของศาลนั้น ไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพรถและเรือดับเพลิง จึงไม่สามรถนำมาใช้งานได้จนกว่าคดีความจะสิ้นสุดลง ดังนั้น กทม.จะไม่มีทางนำรถและเรือดับเพลิงออกมาใช้งานอย่างแน่นอน และจุดยืนของกทม.คือต้องการดำเนินคดีเพิกถอนสััญญาการซื้อขายกับบริษัท สไตเออร์ฯ จำกัด เพื่อให้คืนเงินแก่ กทม.ส่วนจะมีการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมหรือไม่นั้นจะต้องมีการพิจารณากันต่อไป และในเดือน ต.ต.นี้ทางศาลอนุญาโตตุลาการจะเชิญ กทม.ไปให้ข้อมูลอีกครั้ง

สำหรับกรณีที่บริษัท เทพยนต์ และบริษัท นามยงฯ ได้ฟ้องศาลแพ่งเพื่อเรียกเก็บค่ารักษารถและเรือดับเพลิง ซึ่งศาลแพ่งชั้นต้นได้มีการยกฟ้องบริษัทดังกล่าวจึงได้ยื่นฟ้องศาลอุทรณ์โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ตนคาดว่าเรื่องดังกล่าวจะต้องรอคำวินิจฉัยจากศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศก่อน ว่าระหว่าง กทม.กับบริษัท สไตเออร์ฯ ใครจะต้องเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหาย สำหรับสภาพรถและเรือดับเพลิงในขณะนี้ ได้รับการตรวจสอบจากบริษัท สไตเออร์ฯ จำกัด พบว่ายังสามารถใช้การได้ มีเพียงยางรถเท่านั้นที่เสื่อมสภาพ

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า กรณีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงนั้น ตนมองว่าไม่ได้มีความจำเป็น เนื่องจากปัจจุบันนี้ กทม.มีอุปกรณ์เพียงพอในการใช้งานป้องกันอัคคีภัยต่างๆ แต่ยังขาดอุปกรณ์ดับเพลิงที่สมารถใช้ดับเพลิงในอาคารสูงและชุมชนที่คับแคบเท่านั้น โดยเฉพาะเรือดับเพลิงตนเก็นว่าไม่จำเป็นสำหรับ กทม.มากนัก เนื่องจาก กทม.อาจมีข้อจำกัดในเรื่องสถานที่จอดเรือ แต่เมื่อเกิดคดีความขึ้นแล้ว เราก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของ กทม.ให้ถึงที่สุด