กทม.ถกร่วมภาคเอกชนวางแนวทางพัฒนากรุงเทพฯอีก 20 ปีให้เป็น “เมืองแห่งความสุขอย่างยั่งยืน” ด้วย 6 ยุทธศาสตร์
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ สุขุมวิท นายอมร กิจชเวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ โครงการจัดทำแผนการพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี โดยกรุงเทพมหานครได้รับมอบวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2575 จากประชาชนชาวกรุงเทพฯในช่วงปลายปีที่ผ่านมา จึงได้ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ 2575 ไปสู่จุดหมายแห่งการเป็น “มหานครแห่งเอเชีย” ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนชาวกรุงเทพฯอย่างแท้จริงผ่านยุทธศาสตร์ 6 ข้อ คือ 1.มหานครแห่งความปลอดภัย โดยจะสร้างระบบการจัดการน้ำเสีย ระบบจัดการขยะระบบควบคุมฝุ่นละออง กลิ่น สารเจือปนในอากาศ และระบบควบคุมระดับเสียงในเขตเมือง รวมถึงให้ประชาชนกรุงเทพฯมีความปลอดภัยในการใช้ชีวิต 2.มหานครสีเขียว จะมีพื้นที่สีเขียวกระจายไปยังส่วนต่างๆ เพิ่มขึ้น จัดให้พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงในสวนสาธารณะ มีการสร้างอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างแห่งซับมลพิษทางอากาศให้ได้ 9 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คน ให้ครอบคลุมพื้นทึ่กรุงเทพฯทุกแห่ง
3.มหานครสำหรับทุกคน เพิ่มอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสให้สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานได้เท่ากับบุคคลทั่วไป สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพสำหรับทุกคน 4.มหานครกะทัดรัด หยุดการขยายตัวแนวราบแบบไร้ระเบียบ มีแนวทางให้ประชาชนสามารถเดินทางจากที่ทำงาน สถานศึกษา โดยใช้เวลา 30 นาที ต่อระยะทาง 5 กิโลเมตร ภายใน 20 ปี กรุงเทพฯจะมีเครือข่ายเมืองในกรุงเทพฯและปริมณฑลไม่น้อยกว่า 20 เมือง เพื่อสามารถรองรับประชากรได้ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านคน 5.มหานครแห่งประชาธิปไตย โดยการจัดตั้งสภาประชาชนในระดับ กทม.และระดับเขต เพื่อให้เป็นเวทีในการสะท้อนปัญหาและความต้องการของประชาชนต่อ กทม.อีกทั้งจะต้องแก้ปัญหาคอร์รัปชันด้วยการทำประชามติในเรื่องความเชื่อมั่นและการทุจริตในนักการเมือง เพื่อให้ผู้บริหารนำผลการสำรวจไปพัฒนาตนเอง และ 6.มหานครแห่งเศรษฐกิจและการเรียนรู้ โดยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ กทม.เป็นหนึ่งในสามของอาเซียน และเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรของอาเซียน รวมทั้งสร้างสินค้าอุตสาหกรรมให้อยู่บนพื้นฐานของนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า อีกทั้งสนับสนุนให้มีการพัฒนาคุณภาพแรงงานขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
นายอมร กล่าวว่า การหาแนวทางร่วมกันระหว่าง กทม.กับภาคประชาชน เป็นการร่วมมือกันพัฒนากรุงเทพฯในอีก 20 ปีข้างหน้า ให้เป็นมหานครสำหรับทุกคน ซึ่งจะมีความสอดคล้องกับนโยบาย 10 บวก 6 ของผู้ว่าฯ กทม.ที่ต้องการให้กรุงเทพฯเป็นเมืองแห่งความสุข ในระยะเวลา 20 ปี กทม.จะแบ่งการทำงานออกเป็นช่วง 4 ช่วง โดยช่วงระยะเวลา 5 ปีแรก กทม.จะสร้างกรุงเทพฯร่วมกับภาคประชาชนตามนโยบาย 6 ด้าน ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้เมื่อได้คำตอบจากประชาชนถึงความต้องการสร้างกรุงเทพฯในอีก 20 ข้างหน้า กทม.จะนำไปทำตัวชี้วัดเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาเมืองต่อไป ตามกรอบแนวความคิดที่จะพัฒนากรุงเทพฯให้เป็นมหานครแห่งความสุขให้เห็นเป็นรูปธรรม และสามารถปฏิบัติได้จริง
ทั้งนี้ เมื่อตกผลึกกรอบแนวคิดการสร้างกรุงเทพฯเรียบร้อยแล้ว กทม.จะมอบหมายให้สำนักพัฒนายุทธศาสตร์และแผนกำหนดว่าจะดำเนินตามโครงการต่างๆ อย่างไรบ้าง ส่วนระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพฯในอีก 20 ปีข้างหน้า กทม.จะมีระบบขนส่งมวลชนอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส และระบบขนส่งมวลชนต่างๆ ที่ กทม.มีแผนจะสร้างขึ้น ซึ่งจะทำให้การเดินทางมีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น
ด้าน นางรัชนีวรรณ อัศวธิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนายุทธศาสตร์และประเมินผล กล่าวว่า การจัดเตรียมความพร้อมเพื่อนำแผนพัฒนากรุงเทพฯในอีก 20 ปีข้างหน้าไปสู่การปฏิบัติ กทม.จะสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่บุคลากรให้สามารถนำแผนพัฒนากรุงเทพฯระยะ 20 ปี ไปผลักดันให้เกิดการจัดสรรงบประมาณเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ กทม.ได้วางกรอบแนวความคิดตามที่ภาคประชาชนเสนอ และอยู่ระหว่างการดำเนินงานวางกรอบเพื่อนำข้อเสนอของภาคประชาชนไปผลักดันให้เป็นจริงใน 20 ปีข้างหน้า ซึ่งดำเนินการไปแล้วกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ก.พ.2557
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ สุขุมวิท นายอมร กิจชเวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ โครงการจัดทำแผนการพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี โดยกรุงเทพมหานครได้รับมอบวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2575 จากประชาชนชาวกรุงเทพฯในช่วงปลายปีที่ผ่านมา จึงได้ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ 2575 ไปสู่จุดหมายแห่งการเป็น “มหานครแห่งเอเชีย” ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนชาวกรุงเทพฯอย่างแท้จริงผ่านยุทธศาสตร์ 6 ข้อ คือ 1.มหานครแห่งความปลอดภัย โดยจะสร้างระบบการจัดการน้ำเสีย ระบบจัดการขยะระบบควบคุมฝุ่นละออง กลิ่น สารเจือปนในอากาศ และระบบควบคุมระดับเสียงในเขตเมือง รวมถึงให้ประชาชนกรุงเทพฯมีความปลอดภัยในการใช้ชีวิต 2.มหานครสีเขียว จะมีพื้นที่สีเขียวกระจายไปยังส่วนต่างๆ เพิ่มขึ้น จัดให้พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงในสวนสาธารณะ มีการสร้างอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างแห่งซับมลพิษทางอากาศให้ได้ 9 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คน ให้ครอบคลุมพื้นทึ่กรุงเทพฯทุกแห่ง
3.มหานครสำหรับทุกคน เพิ่มอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสให้สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานได้เท่ากับบุคคลทั่วไป สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพสำหรับทุกคน 4.มหานครกะทัดรัด หยุดการขยายตัวแนวราบแบบไร้ระเบียบ มีแนวทางให้ประชาชนสามารถเดินทางจากที่ทำงาน สถานศึกษา โดยใช้เวลา 30 นาที ต่อระยะทาง 5 กิโลเมตร ภายใน 20 ปี กรุงเทพฯจะมีเครือข่ายเมืองในกรุงเทพฯและปริมณฑลไม่น้อยกว่า 20 เมือง เพื่อสามารถรองรับประชากรได้ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านคน 5.มหานครแห่งประชาธิปไตย โดยการจัดตั้งสภาประชาชนในระดับ กทม.และระดับเขต เพื่อให้เป็นเวทีในการสะท้อนปัญหาและความต้องการของประชาชนต่อ กทม.อีกทั้งจะต้องแก้ปัญหาคอร์รัปชันด้วยการทำประชามติในเรื่องความเชื่อมั่นและการทุจริตในนักการเมือง เพื่อให้ผู้บริหารนำผลการสำรวจไปพัฒนาตนเอง และ 6.มหานครแห่งเศรษฐกิจและการเรียนรู้ โดยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ กทม.เป็นหนึ่งในสามของอาเซียน และเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรของอาเซียน รวมทั้งสร้างสินค้าอุตสาหกรรมให้อยู่บนพื้นฐานของนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า อีกทั้งสนับสนุนให้มีการพัฒนาคุณภาพแรงงานขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
นายอมร กล่าวว่า การหาแนวทางร่วมกันระหว่าง กทม.กับภาคประชาชน เป็นการร่วมมือกันพัฒนากรุงเทพฯในอีก 20 ปีข้างหน้า ให้เป็นมหานครสำหรับทุกคน ซึ่งจะมีความสอดคล้องกับนโยบาย 10 บวก 6 ของผู้ว่าฯ กทม.ที่ต้องการให้กรุงเทพฯเป็นเมืองแห่งความสุข ในระยะเวลา 20 ปี กทม.จะแบ่งการทำงานออกเป็นช่วง 4 ช่วง โดยช่วงระยะเวลา 5 ปีแรก กทม.จะสร้างกรุงเทพฯร่วมกับภาคประชาชนตามนโยบาย 6 ด้าน ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้เมื่อได้คำตอบจากประชาชนถึงความต้องการสร้างกรุงเทพฯในอีก 20 ข้างหน้า กทม.จะนำไปทำตัวชี้วัดเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาเมืองต่อไป ตามกรอบแนวความคิดที่จะพัฒนากรุงเทพฯให้เป็นมหานครแห่งความสุขให้เห็นเป็นรูปธรรม และสามารถปฏิบัติได้จริง
ทั้งนี้ เมื่อตกผลึกกรอบแนวคิดการสร้างกรุงเทพฯเรียบร้อยแล้ว กทม.จะมอบหมายให้สำนักพัฒนายุทธศาสตร์และแผนกำหนดว่าจะดำเนินตามโครงการต่างๆ อย่างไรบ้าง ส่วนระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพฯในอีก 20 ปีข้างหน้า กทม.จะมีระบบขนส่งมวลชนอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส และระบบขนส่งมวลชนต่างๆ ที่ กทม.มีแผนจะสร้างขึ้น ซึ่งจะทำให้การเดินทางมีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น
ด้าน นางรัชนีวรรณ อัศวธิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนายุทธศาสตร์และประเมินผล กล่าวว่า การจัดเตรียมความพร้อมเพื่อนำแผนพัฒนากรุงเทพฯในอีก 20 ปีข้างหน้าไปสู่การปฏิบัติ กทม.จะสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่บุคลากรให้สามารถนำแผนพัฒนากรุงเทพฯระยะ 20 ปี ไปผลักดันให้เกิดการจัดสรรงบประมาณเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ กทม.ได้วางกรอบแนวความคิดตามที่ภาคประชาชนเสนอ และอยู่ระหว่างการดำเนินงานวางกรอบเพื่อนำข้อเสนอของภาคประชาชนไปผลักดันให้เป็นจริงใน 20 ปีข้างหน้า ซึ่งดำเนินการไปแล้วกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ก.พ.2557