สธ.ย้ำคนอายุ 30 ปี ร่างกายจะเริ่มเสื่อม ชี้แก่ลงทุกปี ปีละ 1% และไม่สามารถหยุดได้ ระบุการชะลอความแก่ผิวพรรณภายนอก ทางการแพทย์ช่วยได้ แต่แค่ระยะสั้น แนะดูร่างกายจากภายใน เน้นออกกำลังกาย ทานอาหารครบ 5 หมู่ มีประโยชน์ ช่วยชะลอความแก่ให้เกิดช้าลงได้
วันนี้ (6 ก.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทารา แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพ (International Bangkok Congress on Anti-Aging and Aesthetic Medicine) ว่า สธ.มีนโยบายให้คนไทยมีอายุยืนยาวเฉลี่ยอย่างน้อย 80 ปี และมีสุขภาพดีให้นานที่สุด โดยให้การดูแลสุขภาพประชาชน ออกเป็นรายกลุ่มอายุ คืออายุ 0-5 ปี 6-20 ปี 21-59 ปี และ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันเวชศาสตร์ชะลอวัยกำลังได้รับความสนใจกันมากขึ้น เนื่องจากคนอายุยืนยาวขึ้น และต้องการให้ร่างกายแข็งแรงหรือดูอ่อนกว่าวัย ซึ่งตามทฤษฎีทางการแพทย์นั้น พบว่าร่างกายคนเราจะเริ่มเสื่อมลงตั้งแต่อายุ 30 ปีเป็นต้นไป และจะแก่ลงทุกปี ปีละ 1 เปอร์เซ็นต์ เราไม่สามารถหยุดความแก่ได้ แต่สามารถชะลอความแก่ให้ช้าลงได้ 2 ทาง คือ 1. ลักษณะภายนอก คือ ดูแล้วไม่แก่ และ 2. ลักษณะภายใน คือ ร่างกายไม่แก่
นายสรวงศ์กล่าวอีกว่า การชะลอให้ร่างกายไม่แก่จากภายใน ได้แก่ อวัยวะ กล้ามเนื้อ สมอง ตับไต ในปัจจุบันสามารถทำได้จากการดูแลสุขภาพและการรักษาโรคที่ดี ส่วนภายนอก เช่น รักษาผิวพรรณ รอยเหี่ยวย่น อาจอาศัยการแพทย์ช่วย เช่น ผ่าตัดศัลยกรมตกแต่ง เป็นต้น เป็นการชะลอแก่ได้ในระยะสั้น แต่ก็ไม่สามารถทำให้กลับมาเป็นหนุ่มสาวขึ้น หรือคงความเป็นหนุ่มสาวอย่างถาวรได้ อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมสุขภาพบางอย่างเริ่มมีหลักฐานว่าอาจช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ลดความเสี่ยงโรคต่างๆได้ ซึ่งน่าศึกษาวิจัยต่อไป ศาสตร์หลายศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยความรู้ในปัจจุบัน อาจต้องใช้เวลาศึกษาต่อไป ตราบใดที่ไม่มีอันตรายต่อสุขภาพประชาชน
นายสรวงศ์กล่าวด้วยว่า วิธีการดูแลตนเองให้มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และมีหลักฐานว่าสามารถชะลอความแก่ให้เกิดขึ้นช้าลงได้ ประการแรกคือ การออกกำลังกายที่มีการใช้กล้ามเนื้อ เช่น วิ่ง เดิน ว่ายน้ำ เป็นเวลา 45 นาทีทุกวัน มีงานวิจัยยืนยันว่าจะกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตได้ดีที่สุด ระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายดี ป้องกันโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข ทำให้ไม่เกิดความเครียด นอนหลับดีขึ้น และช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ควบคุมน้ำหนักตัวอย่างเหมาะสม สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น ประการที่ 2 คือรับประทานอาหารครบ 5 หมู่และหลากหลาย เพิ่มการรับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้นให้ได้วันละครึ่งกิโลกรัมทุกวัน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามิน เกลือแร่ ช่วยให้ระบบการขับถ่ายเป็นไปอย่างปกติ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 6-8 ชั่วโมง ลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ เป็นต้น
วันนี้ (6 ก.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทารา แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพ (International Bangkok Congress on Anti-Aging and Aesthetic Medicine) ว่า สธ.มีนโยบายให้คนไทยมีอายุยืนยาวเฉลี่ยอย่างน้อย 80 ปี และมีสุขภาพดีให้นานที่สุด โดยให้การดูแลสุขภาพประชาชน ออกเป็นรายกลุ่มอายุ คืออายุ 0-5 ปี 6-20 ปี 21-59 ปี และ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันเวชศาสตร์ชะลอวัยกำลังได้รับความสนใจกันมากขึ้น เนื่องจากคนอายุยืนยาวขึ้น และต้องการให้ร่างกายแข็งแรงหรือดูอ่อนกว่าวัย ซึ่งตามทฤษฎีทางการแพทย์นั้น พบว่าร่างกายคนเราจะเริ่มเสื่อมลงตั้งแต่อายุ 30 ปีเป็นต้นไป และจะแก่ลงทุกปี ปีละ 1 เปอร์เซ็นต์ เราไม่สามารถหยุดความแก่ได้ แต่สามารถชะลอความแก่ให้ช้าลงได้ 2 ทาง คือ 1. ลักษณะภายนอก คือ ดูแล้วไม่แก่ และ 2. ลักษณะภายใน คือ ร่างกายไม่แก่
นายสรวงศ์กล่าวอีกว่า การชะลอให้ร่างกายไม่แก่จากภายใน ได้แก่ อวัยวะ กล้ามเนื้อ สมอง ตับไต ในปัจจุบันสามารถทำได้จากการดูแลสุขภาพและการรักษาโรคที่ดี ส่วนภายนอก เช่น รักษาผิวพรรณ รอยเหี่ยวย่น อาจอาศัยการแพทย์ช่วย เช่น ผ่าตัดศัลยกรมตกแต่ง เป็นต้น เป็นการชะลอแก่ได้ในระยะสั้น แต่ก็ไม่สามารถทำให้กลับมาเป็นหนุ่มสาวขึ้น หรือคงความเป็นหนุ่มสาวอย่างถาวรได้ อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมสุขภาพบางอย่างเริ่มมีหลักฐานว่าอาจช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ลดความเสี่ยงโรคต่างๆได้ ซึ่งน่าศึกษาวิจัยต่อไป ศาสตร์หลายศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยความรู้ในปัจจุบัน อาจต้องใช้เวลาศึกษาต่อไป ตราบใดที่ไม่มีอันตรายต่อสุขภาพประชาชน
นายสรวงศ์กล่าวด้วยว่า วิธีการดูแลตนเองให้มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และมีหลักฐานว่าสามารถชะลอความแก่ให้เกิดขึ้นช้าลงได้ ประการแรกคือ การออกกำลังกายที่มีการใช้กล้ามเนื้อ เช่น วิ่ง เดิน ว่ายน้ำ เป็นเวลา 45 นาทีทุกวัน มีงานวิจัยยืนยันว่าจะกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตได้ดีที่สุด ระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายดี ป้องกันโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข ทำให้ไม่เกิดความเครียด นอนหลับดีขึ้น และช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ควบคุมน้ำหนักตัวอย่างเหมาะสม สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น ประการที่ 2 คือรับประทานอาหารครบ 5 หมู่และหลากหลาย เพิ่มการรับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้นให้ได้วันละครึ่งกิโลกรัมทุกวัน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามิน เกลือแร่ ช่วยให้ระบบการขับถ่ายเป็นไปอย่างปกติ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 6-8 ชั่วโมง ลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ เป็นต้น