xs
xsm
sm
md
lg

14 เดือนทั่วโลกป่วยโคโรนาไวรัส 108 ราย ตาย 50 ไทยเร่งซ้อมแผนรับมือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สธ.จัดซ้อมแผนรับมือไวรัสโคโรนา 2012 เน้นประสานสั่งการระหว่างหน่วยงานถูกบทบาทหน้าที่ แม้ในประเทศยังไม่พบผู้ป่วย แต่อาจเสี่ยงเกิดการระบาดได้ เหตุชาวไทยมุสลิมเตรียมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ด้าน WHO เผยรอบ 14 เดือนทั่วโลกพบผู้ป่วย 108 ราย เสียชีวิต 50 ราย ใน 9 ประเทศ
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
วันนี้ (6 ก.ย.) นายสุรชัย เบ้าจรรยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวแถลงข่าว “การฝึกซ้อมแผนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2012 ระดับชาติ” ว่า สธ.ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย จัดฝึกซ้อมแผนระดับชาติเพื่อเตรียมความพร้อมผู้บริหารระดับสูงจาก 11 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงต่างประเทศ, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น เพื่อรับมือการระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2012 (โรคเมิร์ส-คอฟ) โดยสมมติสถานการณ์การระบาดในประเทศที่มีความรุนแรง เริ่มจากการติดเชื้อในคนและตรวจพบเชื้อในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เชื้อแพร่กระจายในวงกว้าง และกระจายไปทั่วโลก โดยเป็นการฝึกซ้อมแผนชนิดฝึกปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ สร้างความพร้อมกลไกการประสานสั่งการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การบริหารจัดการทรัพยากร การสื่อสารระหว่างหน่วยงานและประชาชนในภาวะวิกฤต

นายสุรชัยกล่าวอีกว่า โรคเมิร์ส-คอฟ เกิดจากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในคนและสัตว์ มีความรุนแรงสูง ยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยารักษาเฉพาะ พบในคนครั้งแรก เม.ย. 2555 โดยผู้ป่วยมีประวัติเดินทางไปในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และสมาชิกในครอบครัวเดียวกันที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย จนถึงขณะนี้ยังหาสาเหตุการเกิดโรคไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบหลักฐานการติดต่อจากคนสู่คน โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) มีรายงานจนถึงวันที่ 30 ส.ค. รวม 14 เดือนว่า ทั่วโลกพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 108 ราย เสียชีวิต 50 ราย ใน 9 ประเทศและยังอยู่ในวงจำกัด ได้แก่ จอร์แดน ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ตูนีเซีย และอิตาลี อัตราเสียชีวิตร้อยละ 46

สำหรับประเทศไทยแม้จะยังไม่พบผู้ป่วย แต่มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดจากการเดินทางท่องเที่ยว ทำงาน หรือประกอบพิธีฮัจญ์ในพื้นที่ตะวันออกกลาง จึงจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมให้สามารถรับมือได้ หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ก็เพื่อป้องกันและลดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด โดย สธ.ได้ติดตามสถานการณ์ ประเมินความเสี่ยงโรคอย่างใกล้ชิดร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัย WHO และศูนย์ควบคุมโรคติดเชื้อของสหรัฐอเมริกามาโดยตลอด” นายสุรชัยกล่าว

นายสุรชัยกล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทุกแห่ง และขอความร่วมมือกรุงเทพมหานคร จัดระบบการเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคเมิร์ส-คอฟ ควบคู่กับโรคไข้หวัดใหญ่ และไข้หวัดนกในโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน จัดห้องแยกดูแลผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลันโดยเฉพาะและระบบการส่งต่อผู้ป่วย จัดทำคู่มือแนวทางการดูแลรักษา การป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล แจกให้กับโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ โดยให้เข้มงวดเป็นพิเศษในระดับสูงสุดเช่นเดียวกับการป้องกันโรคซาร์ส นอกจากนี้ ได้เผยแพร่คำแนะนำประชาชนในการป้องกันโรค ทางเว็บไซต์สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ www.beid.ddc.moph.go.th

ขณะนี้ WHO ยังไม่มีคำแนะนำให้จำกัดการเดินทางแต่อย่างใด แต่ สธ.มีความเป็นห่วงสุขภาพของชาวไทยมุสลิมประมาณ 10,400 คน ที่จะเดินทางไปซาอุดิอาระเบียเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานและสูงอายุ จะเริ่มทยอยเดินทางวันที่ 7 ก.ย.นี้ จึงได้วางระบบการดูแลป้องกันไว้อย่างเต็มที่ ทั้งก่อนไป ระหว่างประกอบพิธี และหลังเดินทางกลับมาในช่วง ต.ค.และพ.ย. โดยได้ตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และไข้กาฬหลังแอ่น ให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพ แจกเจลล้างมือ หน้ากากอนามัย และส่งหน่วยแพทย์พยาบาลไทยไปให้การดูแลรักษาที่ซาอุดิอาระเบียจำนวน 3 ชุด รวม 42 คน” นายสุรชัยกล่าว

นายสุรชัยกล่าวด้วยว่า ส่วนประชาชนทั่วไปที่จำเป็นต้องเดินทางไปยังพื้นที่ระบาด ขอให้ป้องกันตัว โดยก่อนเดินทางขอให้รับการฉีดวัคซีนตามที่ประเทศนั้นๆ กำหนด ระหว่างอยู่ต่างประเทศให้หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ที่เป็นหวัด ไอ จาม ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด หากจำเป็นขอแนะนำให้ผู้ที่มีโรคประจำตัวใส่หน้ากากอนามัยและเปลี่ยนบ่อยๆ หากป่วยอาการคล้ายไข้หวัดให้รีบไปพบแพทย์ และหลังเดินทางกลับมาถึงเมืองไทย ขอให้สังเกตอาการผิดปกติอีก 10 วัน หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ขอให้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน หรือมีอาการไข้สูง หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ขอให้ไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทางไปต่างประเทศด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น