ทปอ.ขอเช็กร่าง พ.ร.บ.2 ฉบับก่อนเข้า ครม.เผยเชิญ “เสริมศักดิ์” ร่วมประชุมและมอบนโยบาย 25 ส.ค.นี้ พร้อมชง รมช.ศึกษาฯ หนุนของบกลางช่วยงานวิจัย หลังถูกตัดไป 1 พันล.บาท รวมทั้งขอให้ประสานสำนักงบฯ ตั้งงบคืนที่มหา’ลัยควักจ่ายเงินเดือนพนักงานตามนโยบายรัฐไปก่อน ชี้หากตั้งงบคืนการบริหารงานบุคคลไม่ได้ก็คืนในส่วนอื่นแทน
ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุม ทปอ.วันที่ 25 ส.ค.นี้ ทปอ.จะเชิญ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เข้าร่วมประชุมในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) โดยจะขอให้ รมช.ศึกษาธิการ ผลักดันเรื่องต่างๆ ของอุดมศึกษา หลักๆ ที่สำคัญ คือ เรื่องเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัยที่เดิมรัฐบาลได้มีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณเพื่อเบิกจ่ายเงินปรับเพิ่มคุณวุฒิให้แก่พนักงานที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งก่อนวันที่ 1 มกราคม 2555 จำนวน 54,801 คน จากมหาวิทยาลัย 79 แห่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 11,792,432,440 บาท โดยในส่วนปีงบประมาณ 2555-2556 ให้มหาวิทยาลัยใช้เงินงบประมาณเหลือจ่ายเบิกจ่ายไปก่อน และจะตั้งงบให้ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557 เป็นต้นไป แต่ต่อมาสำนักงบฯบอกว่า ไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนของปี 2556 และ ปี 2557 คืนได้ และจะตั้งงบประมาณให้ในปี 2558 เป็นต้นไป ทำให้มหาวิทยาลัยไม่กล้านำเงินออกมาจ่าย เพราะจะไปกระทบกับงบพัฒนาส่วนอื่น
ดังนั้น จึงอยากให้ รมช.ศึกษาธิการ ช่วยหารือกับสำนักงบประมาณ ให้เร่งผลักดันเรื่องนี้ โดยอาจไม่ต้องคืนในรูปแบบงบบุคลากรเสมอไป แต่อาจมาในรูปแบบอื่นแทน เช่น งบพัฒนามหาวิทยาลัย งบพัฒนางานวิจัย เป็นต้น และให้มหาวิทยาลัยไปบริหารจัดการเอง ขณะเดียวกันจะขอให้ช่วยผลักดันเรื่องงบวิจัยของมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติทั้ง 9 แห่ง ที่ปีงบประมาณ 2557 ได้รับเพียง 650 ล้านบาท จากงบประมาณที่เสนอขอไปทั้งหมด 1,660 ล้านบาท ซึ่งอาจจะทำให้งานวิจัยที่ดำเนินการอยู่ต้องชะงัก และมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ โดยจะขอให้ช่วยหารือกับรัฐบาลให้เจียดงบประมาณกลางมาจ่ายให้มหาวิทยาลัยก่อน เพื่อให้งานต่างๆ สามารถดำเนินต่อไปได้ และขอให้ช่วยจัดหางบประมาณ เพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ทางด้านการวิจัย ที่ปัจจุบันชำรุดไปมากแล้ว รวมถึงจะขอให้ช่วยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยืดอายุวีซ่าให้อาจารย์และนักศึกษาต่างชาติ ให้อยู่ในประเทศไทยจนกว่าจะเรียนจบ โดยที่ไม่ต้องต่อวีซ่าหลายครั้ง ขณะที่อาจารย์ก็ให้อยู่ในประเทศไทยจนครบสัญญาจ้างโดยที่ไม่ต้องไปต่อวีซ่าหลายครั้งเช่นกัน เพื่อให้นักเรียนและอาจารย์กลุ่มนี้ได้อยู่ในประเทศไทยได้สะดวกขึ้น และไม่ขัดกับที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
“ทปอ.จะหารือกับนายเสริมศักดิ์ ถึงร่างกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันอุดมศึกษา โดยเฉพาะ ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลในสถาบันอุดมศึกษา และร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา ซึ่งทั้งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ผมในฐานะประธาน ทปอ.ได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย โดยในภาพรวมถือเป็นกฎหมายที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อสถาบันอุดมศึกษา แต่ก็อยากให้มหาวิทยาลัยอื่นๆ ได้มีส่วนในการสะท้อนความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับด้วย เพื่อจะได้ช่วยกันดูว่ามีอะไรบ้างที่บกพร่องและต้องแก้ไขบ้าง ยืนยันว่าที่เสนอเช่นนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะดึงหรือจะทำให้กฎหมายทั้ง 2 ฉบับต้องล่าช้าแต่เพื่อให้กฎหมายที่ออกมาเป็นประโยชน์มากที่สุด” ศ.ดร.สมคิด กล่าวและว่า ขณะเดียวกัน ทปอ.ก็จะรับฟังนโยบาย นายเสริมศักดิ์ และรัฐบาลว่ามีอะไรบ้างที่มหาวิทยาลัยจะเข้าไปช่วย และทำให้ประเทศเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมหาวิทยาลัยก็ยินดี
ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุม ทปอ.วันที่ 25 ส.ค.นี้ ทปอ.จะเชิญ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เข้าร่วมประชุมในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) โดยจะขอให้ รมช.ศึกษาธิการ ผลักดันเรื่องต่างๆ ของอุดมศึกษา หลักๆ ที่สำคัญ คือ เรื่องเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัยที่เดิมรัฐบาลได้มีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณเพื่อเบิกจ่ายเงินปรับเพิ่มคุณวุฒิให้แก่พนักงานที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งก่อนวันที่ 1 มกราคม 2555 จำนวน 54,801 คน จากมหาวิทยาลัย 79 แห่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 11,792,432,440 บาท โดยในส่วนปีงบประมาณ 2555-2556 ให้มหาวิทยาลัยใช้เงินงบประมาณเหลือจ่ายเบิกจ่ายไปก่อน และจะตั้งงบให้ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557 เป็นต้นไป แต่ต่อมาสำนักงบฯบอกว่า ไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนของปี 2556 และ ปี 2557 คืนได้ และจะตั้งงบประมาณให้ในปี 2558 เป็นต้นไป ทำให้มหาวิทยาลัยไม่กล้านำเงินออกมาจ่าย เพราะจะไปกระทบกับงบพัฒนาส่วนอื่น
ดังนั้น จึงอยากให้ รมช.ศึกษาธิการ ช่วยหารือกับสำนักงบประมาณ ให้เร่งผลักดันเรื่องนี้ โดยอาจไม่ต้องคืนในรูปแบบงบบุคลากรเสมอไป แต่อาจมาในรูปแบบอื่นแทน เช่น งบพัฒนามหาวิทยาลัย งบพัฒนางานวิจัย เป็นต้น และให้มหาวิทยาลัยไปบริหารจัดการเอง ขณะเดียวกันจะขอให้ช่วยผลักดันเรื่องงบวิจัยของมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติทั้ง 9 แห่ง ที่ปีงบประมาณ 2557 ได้รับเพียง 650 ล้านบาท จากงบประมาณที่เสนอขอไปทั้งหมด 1,660 ล้านบาท ซึ่งอาจจะทำให้งานวิจัยที่ดำเนินการอยู่ต้องชะงัก และมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ โดยจะขอให้ช่วยหารือกับรัฐบาลให้เจียดงบประมาณกลางมาจ่ายให้มหาวิทยาลัยก่อน เพื่อให้งานต่างๆ สามารถดำเนินต่อไปได้ และขอให้ช่วยจัดหางบประมาณ เพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ทางด้านการวิจัย ที่ปัจจุบันชำรุดไปมากแล้ว รวมถึงจะขอให้ช่วยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยืดอายุวีซ่าให้อาจารย์และนักศึกษาต่างชาติ ให้อยู่ในประเทศไทยจนกว่าจะเรียนจบ โดยที่ไม่ต้องต่อวีซ่าหลายครั้ง ขณะที่อาจารย์ก็ให้อยู่ในประเทศไทยจนครบสัญญาจ้างโดยที่ไม่ต้องไปต่อวีซ่าหลายครั้งเช่นกัน เพื่อให้นักเรียนและอาจารย์กลุ่มนี้ได้อยู่ในประเทศไทยได้สะดวกขึ้น และไม่ขัดกับที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
“ทปอ.จะหารือกับนายเสริมศักดิ์ ถึงร่างกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันอุดมศึกษา โดยเฉพาะ ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลในสถาบันอุดมศึกษา และร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา ซึ่งทั้งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ผมในฐานะประธาน ทปอ.ได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย โดยในภาพรวมถือเป็นกฎหมายที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อสถาบันอุดมศึกษา แต่ก็อยากให้มหาวิทยาลัยอื่นๆ ได้มีส่วนในการสะท้อนความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับด้วย เพื่อจะได้ช่วยกันดูว่ามีอะไรบ้างที่บกพร่องและต้องแก้ไขบ้าง ยืนยันว่าที่เสนอเช่นนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะดึงหรือจะทำให้กฎหมายทั้ง 2 ฉบับต้องล่าช้าแต่เพื่อให้กฎหมายที่ออกมาเป็นประโยชน์มากที่สุด” ศ.ดร.สมคิด กล่าวและว่า ขณะเดียวกัน ทปอ.ก็จะรับฟังนโยบาย นายเสริมศักดิ์ และรัฐบาลว่ามีอะไรบ้างที่มหาวิทยาลัยจะเข้าไปช่วย และทำให้ประเทศเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมหาวิทยาลัยก็ยินดี
