สธ.เผยผลตรวจอาหารทะเลปนเปื้อน จ.ระยอง ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เตรียมตรวจซ้ำ 15 ส.ค.ส่วนผลตรวจปัสสาวะผู้เก็บกู้คราบน้ำมันดิบทยอยออกแล้ว 603 คน จากทั้งหมด 1,594 คน พบ 1 คน มีค่าสูงเกินค่าเฝ้าระวัง สั่งติดตามตัวไปตรวจสุขภาพและเจาะเลือด ดูการทำงานของไขกระดูก ตับ และไต
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้ สธ.ติดตามผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนและผู้ปฏิบัติงานเก็บกู้และทำลายคราบน้ำมันดิบที่อ่าวพร้าว จ.ระยอง ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี โดยวันนี้ผลการตรวจวิเคราะห์สารปนเปื้อนในตัวอย่างอาหารทะเล ประเภทหอยแมลงภู่สด ปลาสด จำนวน 8 ตัวอย่าง จากตลาดเพ และตลาดตำบลแกลง ได้แก่ สารโพลีไซคลิคอะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน หรือสารพีเอเอช (PAH: Polycyclic Aromatic Hydrocarbon) และโลหะปนเปื้อน 4 รายการ ได้แก่ ปรอท ตะกั่ว แคดเมียม และสารหนู ทราบผลทั้งหมดแล้ว พบว่าทุกรายการอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน บางตัวอย่างแม้พบสารโลหะหนักบ้าง แต่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถพบได้ในธรรมชาติ และปนเปื้อนในอาหารได้อยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วลงทะเลก็ตาม โดยจะเก็บตัวอย่างอาหารประเภทเดิมที่จุดเดิม มาตรวจสอบซ้ำครั้งที่ 2 ในวันที่ 15 ส.ค. รวมทั้ง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ได้ออกตรวจร้านอาหารบนเกาะเสม็ดประมาณ 70 ร้าน และที่บริเวณหาดแม่รำพึง และตลาดเพ ตำบลเพ พบว่าอาหารและสถานที่ได้มาตรฐาน เป็นตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการตรวจวิเคราะห์หาสารอนุพันธ์ของเบนซีนในปัสสาวะ ที่มีชื่อว่า ที,ที มิวโคนิค แอซิด (t,t muconic acid in urine) ของผู้ปฏิบัติงานทุกคนและประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าวตามระบบเฝ้าระวัง ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม จนถึงวันนี้ รวมทั้งหมด 1,594 คน ผลการตรวจทยอยออกมาทุกวัน รู้ผลแล้ว 603 คน พบ 1 คน มีค่า 723 ไมโครกรัมต่อกรัม ซึ่งสูงกว่าค่าเฝ้าระวัง 500 ไมโครกรัมต่อกรัม เป็นพนักงานเก็บทำลายคราบน้ำมันที่ชายหาดอ่าวพร้าว ซึ่งวันนี้คณะแพทย์ได้ติดตามตัวมารับการตรวจสุขภาพ และเจาะเลือดดูการทำงานของไขกระดูก ตับ และไต เพื่อให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง
นพ.ประดิษฐ กล่าวด้วยว่า ในการวางแผนติดตามผลกระทบทางสุขภาพ จากการประเมินผู้รับบริการที่หน่วยปฐมพยาบาลด้านการแพทย์ ซึ่งให้บริการร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และ ปตท. จำนวน 617 ราย พบผู้ที่มีอาการเกี่ยวข้องกับการสูดไอระเหยของเบนซีนในน้ำมันดิบ ได้แก่ เป็นลม ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ เจ็บคอ ผื่นคัน จำนวน 228 ราย ไม่มีรายใดรุนแรง ยังคงตั้งหน่วยปฐมพยาบาลที่บริเวณอ่าวพร้าวทุกวัน และขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดระบบการดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งประชาชนและผู้ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง เป็นคณะทำงานระหว่างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีวเวชศาสตร์ จากกรมควบคุมโรค รพ.นพรัตนราชธานี กรมแพทย์ทหารเรือ แพทย์ประจำ ปตท. รพ.มาบตาพุด รพ.ระยอง และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง โดยจะมีการติดตามผู้สัมผัสสารเบนซีนตามมาตรฐานติดต่อกัน 5 ปี
