รมช.มท.รุดเยี่ยม กทม.หลังเข้ารับตำแหน่ง “วิสาร” ยัน ทำงานไร้รอยต่อเสนอให้ กทม.ด้าน “สุขุมพันธุ์” รับลูกความสัมพันธ์แน่นปึ้ก
วันนี้ (1 ส.ค.) นายวิสาร เตชะธีรวัฒน์ รมช.มหาดไทย เดินทางมาที่ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจเยี่ยมภายหลังเข้ารับตำแหน่ง รมช.มหาดไทย โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงให้การต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปถึงการดำเนินงานของ กทม.โดย นายวิสาร กล่าวว่า ที่ผ่านมา มท.และ กทม.ประสานงานกันอย่างใกล้ชิด แต่อาจจะมีบางช่วงของฝ่ายปฏิบัติงานที่อาจจะพบปัญหา ตนขอปวารณาตัวว่าพร้อมจะขับเคลื่อนและให้ความร่วมมือกับ กทม.ซึ่งดีใจว่าภายหลังจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เสร็จสิ้นแล้ว นายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่าจะทำงานอย่างไร้รอยต่อกับ กทม.ซึ่งตนกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็จะร่วมทำงาน เพื่อคนกรุงเทพฯ และหวังว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะทำงานอยู่ในตำแหน่งนานกว่าตน ถึงแม้ตนอาจจะอยู่ในตำแหน่งเพียงแค่ 3-8 เดือน แต่ก็เต็มใจจะประสานงานเพื่อคนกรุงเทพฯ
นายวิสาร กล่าวต่อว่า ในฐานะกำกับดูกรมบรรเทาและป้องกันสาธารณภัย (ปภ.) และการประปานครหลวง (กปน.) พร้อมจะทำงานร่วมกับ กทม.อาทิ เรื่องการประปา ทราบว่ามีรอยต่อบริเวณหมู่บ้านเมืองเอก ซึ่งเป็นคอขวดในพื้นที่ที่ติดกับกรุงเทพฯ ก็จะขอประสานงานกับ กทม.ในการสร้างสะพาน ในวงเงิน 10 ล้านบาท นอกจากนี้พื้นที่เขตรอยต่อกรุงเทพฯ นนทบุรี ทาง กทม.ได้สร้างกำแพงป้องกันน้ำท่วมไว้แล้ว แต่พื้นที่ฝั่งนนทบุรี อาจจะเกิดเป็นแก้มลิง หากมีน้ำท่วมเข้ามา จึงอยากให้ผู้ว่าฯ กทม. ประสานกรมชลประทาน เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะเดียวกันตนได้ไปตรวจสถานบันเทิง ภายในซอยเอกมัย 7 พบว่าเป็นซอยที่ระยะไกล 60 เมตร หากเกิดไฟไหม้ อาจจะลำบาก เพราะรถดับเพลิงขนาดใหญ่ไม่สามรารถเข้าถึง ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ว่าฯกทม.เข้ามาตรวจเรื่องการใช้ผังเมืองและการต่อเติมอาคาร เนื่องจากเกรงว่าจะซ้ำรอยไฟไหม้ผับซานติก้า
ด้าน ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายวิสาร มายาวนาน ถึงแม้จะอยู่คนละพรรคแต่ก็เหมือนเป็นพวกเดียวกันสำหรับเรื่องความร่วมมือนั้น ที่ผ่านมา กทม.เคยทำบันทึกข้อตกลง (MOU) จำนวน 4 ฉบับ ซึ่งขณะนี้อยู่ในฉบับที่ 4 หากฉบับที่ 4 แล้วเสร็จ ก็จะทำให้ประชาชนมีน้ำประปาใช้ ยกเว้นบางพื้นที่ที่อยู่ในพื้นที่เอกชน ทั้งนี้ตนขอฝากกรณีที่น้ำท่วมปี 54 และพื้นที่คลองประปา อยากให้มีการแก้ไข อาทิ ให้ซ่อมแซมคันกั้นน้ำที่เขตหลักสี่ เนื่องจากคันกั้นน้ำเก่า และสร้างคันกั้นน้ำในเขตดอนเมือง หากการประปาเร่งซ่อมและสร้างให้แล้วเสร็จ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี รวมทั้งช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขปัญหาประชาชนรุกล้ำแม้น้ำเจ้าพระยาและคลองต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม นอกจากนี้ในเรื่องแผนป้องกันภัย ตนได้สั่งให้มีการยกร่างแผนป้องกันบรรเทาสาธารณภัยไว้แล้ว ซึ่งได้เร่งมือจัดทำคู่มือปฏิบัติสำหรับหน่วยงานต่างๆ ไว้แล้ว รวมทั้งประสานหน่วยงานความมั่นคง อาทิ กองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อทำงานร่วมกัน หากเกิดเหตุภัยพิบัติขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันยังได้เตรียมความพร้อมรับมือสึนามิ โดยได้สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับไปทบทวนแผนป้องกันว่ามีความสมบูรณ์หรือไม่ เพราะ กทม.มีส่วนหนึ่งที่ติดทะเล เพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันเหตุแผ่นดินไหว นับทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องอุปกรณ์ดับเพลิง ตนได้สั่งให้มีการจัดซื้ออุปกรณ์ดับเพลิงสำหรับอาคารสูงและอุปกรณ์ดับเพลิงขนาดเล็ก ถึงแม้จะมีคดีรถดับเพลิงที่ค้างอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อใด
วันนี้ (1 ส.ค.) นายวิสาร เตชะธีรวัฒน์ รมช.มหาดไทย เดินทางมาที่ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจเยี่ยมภายหลังเข้ารับตำแหน่ง รมช.มหาดไทย โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงให้การต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปถึงการดำเนินงานของ กทม.โดย นายวิสาร กล่าวว่า ที่ผ่านมา มท.และ กทม.ประสานงานกันอย่างใกล้ชิด แต่อาจจะมีบางช่วงของฝ่ายปฏิบัติงานที่อาจจะพบปัญหา ตนขอปวารณาตัวว่าพร้อมจะขับเคลื่อนและให้ความร่วมมือกับ กทม.ซึ่งดีใจว่าภายหลังจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เสร็จสิ้นแล้ว นายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่าจะทำงานอย่างไร้รอยต่อกับ กทม.ซึ่งตนกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็จะร่วมทำงาน เพื่อคนกรุงเทพฯ และหวังว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะทำงานอยู่ในตำแหน่งนานกว่าตน ถึงแม้ตนอาจจะอยู่ในตำแหน่งเพียงแค่ 3-8 เดือน แต่ก็เต็มใจจะประสานงานเพื่อคนกรุงเทพฯ
นายวิสาร กล่าวต่อว่า ในฐานะกำกับดูกรมบรรเทาและป้องกันสาธารณภัย (ปภ.) และการประปานครหลวง (กปน.) พร้อมจะทำงานร่วมกับ กทม.อาทิ เรื่องการประปา ทราบว่ามีรอยต่อบริเวณหมู่บ้านเมืองเอก ซึ่งเป็นคอขวดในพื้นที่ที่ติดกับกรุงเทพฯ ก็จะขอประสานงานกับ กทม.ในการสร้างสะพาน ในวงเงิน 10 ล้านบาท นอกจากนี้พื้นที่เขตรอยต่อกรุงเทพฯ นนทบุรี ทาง กทม.ได้สร้างกำแพงป้องกันน้ำท่วมไว้แล้ว แต่พื้นที่ฝั่งนนทบุรี อาจจะเกิดเป็นแก้มลิง หากมีน้ำท่วมเข้ามา จึงอยากให้ผู้ว่าฯ กทม. ประสานกรมชลประทาน เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะเดียวกันตนได้ไปตรวจสถานบันเทิง ภายในซอยเอกมัย 7 พบว่าเป็นซอยที่ระยะไกล 60 เมตร หากเกิดไฟไหม้ อาจจะลำบาก เพราะรถดับเพลิงขนาดใหญ่ไม่สามรารถเข้าถึง ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ว่าฯกทม.เข้ามาตรวจเรื่องการใช้ผังเมืองและการต่อเติมอาคาร เนื่องจากเกรงว่าจะซ้ำรอยไฟไหม้ผับซานติก้า
ด้าน ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายวิสาร มายาวนาน ถึงแม้จะอยู่คนละพรรคแต่ก็เหมือนเป็นพวกเดียวกันสำหรับเรื่องความร่วมมือนั้น ที่ผ่านมา กทม.เคยทำบันทึกข้อตกลง (MOU) จำนวน 4 ฉบับ ซึ่งขณะนี้อยู่ในฉบับที่ 4 หากฉบับที่ 4 แล้วเสร็จ ก็จะทำให้ประชาชนมีน้ำประปาใช้ ยกเว้นบางพื้นที่ที่อยู่ในพื้นที่เอกชน ทั้งนี้ตนขอฝากกรณีที่น้ำท่วมปี 54 และพื้นที่คลองประปา อยากให้มีการแก้ไข อาทิ ให้ซ่อมแซมคันกั้นน้ำที่เขตหลักสี่ เนื่องจากคันกั้นน้ำเก่า และสร้างคันกั้นน้ำในเขตดอนเมือง หากการประปาเร่งซ่อมและสร้างให้แล้วเสร็จ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี รวมทั้งช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขปัญหาประชาชนรุกล้ำแม้น้ำเจ้าพระยาและคลองต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม นอกจากนี้ในเรื่องแผนป้องกันภัย ตนได้สั่งให้มีการยกร่างแผนป้องกันบรรเทาสาธารณภัยไว้แล้ว ซึ่งได้เร่งมือจัดทำคู่มือปฏิบัติสำหรับหน่วยงานต่างๆ ไว้แล้ว รวมทั้งประสานหน่วยงานความมั่นคง อาทิ กองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อทำงานร่วมกัน หากเกิดเหตุภัยพิบัติขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันยังได้เตรียมความพร้อมรับมือสึนามิ โดยได้สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับไปทบทวนแผนป้องกันว่ามีความสมบูรณ์หรือไม่ เพราะ กทม.มีส่วนหนึ่งที่ติดทะเล เพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันเหตุแผ่นดินไหว นับทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องอุปกรณ์ดับเพลิง ตนได้สั่งให้มีการจัดซื้ออุปกรณ์ดับเพลิงสำหรับอาคารสูงและอุปกรณ์ดับเพลิงขนาดเล็ก ถึงแม้จะมีคดีรถดับเพลิงที่ค้างอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อใด