ปชช.ตื่น!! แชร์ภาพพร้อมข้อความเตือนระวัง “จิตรลดา” ผู้ป่วยจิตเวชใช้มีดแทงเด็กเซนต์โยเซฟฯ ออกจากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์แล้ว พบไปปวนเปี้ยนแถวโรงเรียน ด้านสถาบันฯ ยันผู้ป่วยอยู่บ้านกับแม่ ไม่เคยออกจากบ้านคนเดียว พร้อมโชว์บันทึกเยี่ยมบ้านผู้ป่วยในเว็บ ระบุอาการดี ไม่ก้าวร้าว กินยาสม่ำเสมอ เผยก่อนปล่อยตัวผู้ป่วยมีการประเมินแล้วว่าปลอดภัยแน่นอน
จากกรณีมีการส่งต่อภาพของ น.ส.จิตรลดา ตันติวณิชยสุข ผู้ป่วยจิตเวชซึ่งเข้ารับการรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ภายหลังก่อคดีใช้มีดแทง ด.ญ.ชมณรรฐ อารีฟ นักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ จนเกือบเสียชีวิต เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2548 โดยศาลอาญากรุงเทพใต้ตัดสินจำคุกเป็นเวลา 4 ปี พร้อมมีการระบุข้อความให้ระวัง น.ส.จิตรลดา ซึ่งขณะนี้ออกจากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์แล้ว และมีผู้พบเห็นว่ายังคงมาป้วนเปี้ยนอยู่แถลวโรงเรียนเดิมที่เคยก่อเหตุนั้น
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ทราบว่า น.ส.จิตรลดา ได้ออกจากสถาบันฯ และกลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 42/2 หมู่ 4 ตำบลวัดแค อ.เมือง จ.นครปฐม ตามเดิมมานานกว่าปีแล้ว โดยมารดาของ น.ส.จิตรลดา ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่า น.ส.จิตรลดา อยู่แต่ภายในบ้านตลอด ไม่ได้ออกนอกบ้านไปไหนทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องนี้ก็มีผู้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามกับทางสถาบันฯ จำนวนมากเช่นกัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เปิดเผยด้วยว่า ภายในเว็บไซต์ของสถาบันฯได้มีการลงข้อมูลการเยี่ยมบ้าน น.ส.จิตรลดา ของทีมแพทย์และพยาบาลวิชาชีพด้วย ซึ่งอาการของ น.ส.จิตรลดา ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี มีท่าทางเป็นมิตร
ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปตรวจสอบในเว็บไซต์ของสถาบันฯ http://www.galyainstitute.com/home2/ พบว่า มีการลงบันทึกข้อมูลหัวข้อ “เยี่ยมบ้านผู้ป่วย น.ส.จิตรลดา ตันติวณิชยสุข” จริงตามที่เจ้าหน้าที่สถาบันฯแจ้งข้อมูล โดยบันทึกดังกล่าวถูกโพสต์ขึ้นเว็บไซต์ของสถาบันฯ เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2556 เมื่อเวลา 16.21 น.โดยข้อมูลดังกล่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2556 ทีมแพทย์และพยาบาลวิชาชีพ จากสถาบันฯ ประกอบด้วย พญ.ดวงตา ไกรภัสสร์พงษ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ น.ส.เบญจวรรณ สามสาลี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ นางสุดสาคร จำมั่น พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ และนางสุพรรณี แสงรักษา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ได้เข้าเยี่ยมบ้านผู้ป่วย น.ส.จิตรลดา ซึ่งจากการพูดคุยและสังเกตอาการพบว่า ผู้ป่วยมีสีหน้าแจ่มใส ร่างกายและการแต่งกายสะอาด ท่าทางเป็นมิตร ไม่มีสายตาแข็งกร้าว พูดคุยและโต้ตอบตรงคำถาม
บันทึกดังกล่าวยังระบุด้วยว่า น.ส.จิตรลดา อยู่บ้านกับมารดา ดูแลความสะอาดบ้าน กวาดบ้านทุกวัน ถูบ้าน 2 วัน/ครั้ง อาการคอบิดหายไป เมื่อไปนอกบ้านจะไปกับมารดา เช่น ไปรับยาที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ไปห้างโลตัสใกล้บ้าน รับประทานยาสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ติดตามการรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ทุก 1 เดือน รับประทานอาหารเก่ง แม่เล่าว่าวันนี้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่สถาบันฯหลายสาย แต่เข้าใจดีว่า มีข่าวลือว่ามีคนพบผู้ป่วยเดินอยู่แถว โรงเรียนเซนต์โยเซฟ ที่กรุงเทพฯ ทั้งที่ผู้ป่วยและมารดาปฏิเสธ ผู้ป่วยอยู่บ้านตลอด ไม่ได้ออกไปไหน ลงชื่อ สุพรรณี แสงรักษา งานนิติจิตเวชชุมชน วันที่บันทึก 10 ก.ค. 2556
ด้าน นพ.พิทักษ์พล บุณยะมาลิก ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวว่า ก่อนปล่อยตัวผู้ป่วยจิตเวชออกจากโรงพยาบาล จะมีแพทย์และนักจิตวิทยาประเมินอย่างถี่ถ้วนแล้วว่า การบำบัดในแง่ความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วยนั้น มีความปลอดภัยแน่นอน ขอให้สังคมไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะแม้จะมีการปล่อยให้กลับไปพักที่บ้าน แต่ทางสถาบันฯก็จะมีการติดตามผู้ป่วยสม่ำเสมอ อย่างช่วงระยะแรกของการปล่อยตัวจะมีการไปเยี่ยมบ้านเดือนละครั้ง เพื่อประเมินว่าขาดยาหรือไม่ หากไม่ขาดยาก็มีการติดตามเยี่ยมบ้านประมาณ 3 เดือนครั้ง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ก่อนปล่อยตัวผู้ป่วยไปพักที่บ้านจะต้องมีการประสานไปยังสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านของผู้ป่วย เพื่อให้ช่วยในการติดตามดูแลผู้ป่วยและจ่ายยาด้วยเช่นกัน
“หากกลับไปอยู่บ้านแล้วเกิดมีอาการกำเริบ หรือขาดยา ทางสถาบันฯจะนำตัวกลับไปยังโรงพยาบาลทันที แต่ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่ได้รับการประเมินว่าปลอดภัยแล้ว อยากให้สังคมให้โอกาสเขาได้กลับไปอยู่บ้าน เพราะหากให้อยู่ที่โรงพยาบาลตลอดชีวิตก็คงเหมือนการลงโทษเขา ซึ่งความจริงแล้วผู้ป่วยจิตเวชก็สามารถรักษาได้ แต่เข้าใจว่าสังคมยังติดภาพเก่าที่น่ากลัวของผู้ป่วยอยู่ จึงขอโอกาสให้ผู้ป่วยได้รับการบำบัดและกลับคืนสู่ชุมชน” ผอ.สถาบันฯ กล่าว
จากกรณีมีการส่งต่อภาพของ น.ส.จิตรลดา ตันติวณิชยสุข ผู้ป่วยจิตเวชซึ่งเข้ารับการรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ภายหลังก่อคดีใช้มีดแทง ด.ญ.ชมณรรฐ อารีฟ นักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ จนเกือบเสียชีวิต เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2548 โดยศาลอาญากรุงเทพใต้ตัดสินจำคุกเป็นเวลา 4 ปี พร้อมมีการระบุข้อความให้ระวัง น.ส.จิตรลดา ซึ่งขณะนี้ออกจากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์แล้ว และมีผู้พบเห็นว่ายังคงมาป้วนเปี้ยนอยู่แถลวโรงเรียนเดิมที่เคยก่อเหตุนั้น
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ทราบว่า น.ส.จิตรลดา ได้ออกจากสถาบันฯ และกลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 42/2 หมู่ 4 ตำบลวัดแค อ.เมือง จ.นครปฐม ตามเดิมมานานกว่าปีแล้ว โดยมารดาของ น.ส.จิตรลดา ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่า น.ส.จิตรลดา อยู่แต่ภายในบ้านตลอด ไม่ได้ออกนอกบ้านไปไหนทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องนี้ก็มีผู้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามกับทางสถาบันฯ จำนวนมากเช่นกัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เปิดเผยด้วยว่า ภายในเว็บไซต์ของสถาบันฯได้มีการลงข้อมูลการเยี่ยมบ้าน น.ส.จิตรลดา ของทีมแพทย์และพยาบาลวิชาชีพด้วย ซึ่งอาการของ น.ส.จิตรลดา ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี มีท่าทางเป็นมิตร
ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปตรวจสอบในเว็บไซต์ของสถาบันฯ http://www.galyainstitute.com/home2/ พบว่า มีการลงบันทึกข้อมูลหัวข้อ “เยี่ยมบ้านผู้ป่วย น.ส.จิตรลดา ตันติวณิชยสุข” จริงตามที่เจ้าหน้าที่สถาบันฯแจ้งข้อมูล โดยบันทึกดังกล่าวถูกโพสต์ขึ้นเว็บไซต์ของสถาบันฯ เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2556 เมื่อเวลา 16.21 น.โดยข้อมูลดังกล่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2556 ทีมแพทย์และพยาบาลวิชาชีพ จากสถาบันฯ ประกอบด้วย พญ.ดวงตา ไกรภัสสร์พงษ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ น.ส.เบญจวรรณ สามสาลี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ นางสุดสาคร จำมั่น พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ และนางสุพรรณี แสงรักษา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ได้เข้าเยี่ยมบ้านผู้ป่วย น.ส.จิตรลดา ซึ่งจากการพูดคุยและสังเกตอาการพบว่า ผู้ป่วยมีสีหน้าแจ่มใส ร่างกายและการแต่งกายสะอาด ท่าทางเป็นมิตร ไม่มีสายตาแข็งกร้าว พูดคุยและโต้ตอบตรงคำถาม
บันทึกดังกล่าวยังระบุด้วยว่า น.ส.จิตรลดา อยู่บ้านกับมารดา ดูแลความสะอาดบ้าน กวาดบ้านทุกวัน ถูบ้าน 2 วัน/ครั้ง อาการคอบิดหายไป เมื่อไปนอกบ้านจะไปกับมารดา เช่น ไปรับยาที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ไปห้างโลตัสใกล้บ้าน รับประทานยาสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ติดตามการรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ทุก 1 เดือน รับประทานอาหารเก่ง แม่เล่าว่าวันนี้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่สถาบันฯหลายสาย แต่เข้าใจดีว่า มีข่าวลือว่ามีคนพบผู้ป่วยเดินอยู่แถว โรงเรียนเซนต์โยเซฟ ที่กรุงเทพฯ ทั้งที่ผู้ป่วยและมารดาปฏิเสธ ผู้ป่วยอยู่บ้านตลอด ไม่ได้ออกไปไหน ลงชื่อ สุพรรณี แสงรักษา งานนิติจิตเวชชุมชน วันที่บันทึก 10 ก.ค. 2556
ด้าน นพ.พิทักษ์พล บุณยะมาลิก ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวว่า ก่อนปล่อยตัวผู้ป่วยจิตเวชออกจากโรงพยาบาล จะมีแพทย์และนักจิตวิทยาประเมินอย่างถี่ถ้วนแล้วว่า การบำบัดในแง่ความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วยนั้น มีความปลอดภัยแน่นอน ขอให้สังคมไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะแม้จะมีการปล่อยให้กลับไปพักที่บ้าน แต่ทางสถาบันฯก็จะมีการติดตามผู้ป่วยสม่ำเสมอ อย่างช่วงระยะแรกของการปล่อยตัวจะมีการไปเยี่ยมบ้านเดือนละครั้ง เพื่อประเมินว่าขาดยาหรือไม่ หากไม่ขาดยาก็มีการติดตามเยี่ยมบ้านประมาณ 3 เดือนครั้ง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ก่อนปล่อยตัวผู้ป่วยไปพักที่บ้านจะต้องมีการประสานไปยังสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านของผู้ป่วย เพื่อให้ช่วยในการติดตามดูแลผู้ป่วยและจ่ายยาด้วยเช่นกัน
“หากกลับไปอยู่บ้านแล้วเกิดมีอาการกำเริบ หรือขาดยา ทางสถาบันฯจะนำตัวกลับไปยังโรงพยาบาลทันที แต่ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่ได้รับการประเมินว่าปลอดภัยแล้ว อยากให้สังคมให้โอกาสเขาได้กลับไปอยู่บ้าน เพราะหากให้อยู่ที่โรงพยาบาลตลอดชีวิตก็คงเหมือนการลงโทษเขา ซึ่งความจริงแล้วผู้ป่วยจิตเวชก็สามารถรักษาได้ แต่เข้าใจว่าสังคมยังติดภาพเก่าที่น่ากลัวของผู้ป่วยอยู่ จึงขอโอกาสให้ผู้ป่วยได้รับการบำบัดและกลับคืนสู่ชุมชน” ผอ.สถาบันฯ กล่าว