สนน.มั่นใจรับมือกับน้ำฝนในกรุงเทพฯได้พร้อมเสริมกระสอบทราย 5 พันกระสอบ ริมเจ้าพระยายอมรับน้ำหลากช่วงตุลาคมรับมือยาก
วันนี้ (30 ก.ค.)นายอดิศักดิ์ ขันตรี ผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำ(สนน.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับมือน้ำฝน ว่า ขณะนี้ทาง สนน.กำลังดำเนินการล้างท่อระบายน้ำ ขุดลอกคูคลองเพิ่มเติม รวมทั้งมีการเตรียมแนวกระสอบทรายกั้นบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 5 พันกระสอบ เพื่อเตรียมความพร้อมหากน้ำฝนและน้ำที่ปล่อยลงมาจากทางภาคเหนือของประเทศไทย อย่างไรก็ตามสำหรับบริเวณซอยสุขุมวิท 50 ที่เคยมีเหตุการณ์น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ทาง สนน.ได้เข้าไปเรียงแนวกระสอบทราย สูง 2.5 เมตร ทั้งนี้ยังได้มีการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ 700 คน จาก 50 เขต เพื่อเฝ้าระวัง
“พื้นที่กรุงเทพฯสามารถรับน้ำฝนได้ประมาณ 60 มิลลิเมตรต่อวินาที ซึ่งหากมีฝนตกมามากกว่านี้ก็จำเป็นที่จะต้องทำการสูบน้ำออกจากพื้นที่ ซึ่งความสามารถในการทำงานของเครื่องสูบน้ำสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งฝั่ง รพ.ศิริราช และฝั่งพระนคร ขณะนี้ถือว่าทำได้ได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นและสามารถระบายน้ำได้ 1600ลบ.ต่อวินาทีหากปริมาณน้ำฝนมาก แต่จะต้องดูทิศทางของน้ำฝนด้วย ซึ่งทาง สนน.ได้มีการตรวจสอบกับทางกรมอุตุนิยมวิทยาทุกวัน” ผอ.สนน.กล่าว
นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาขณะนี้ยังไม่มีความน่าเป็นห่วง เพราะการระบายน้ำจากทางตอนเหนืออยู่ 100 ลบ.ต่อวินาที โดยความสามารถในการรับน้ำของแม่น้ำเจ้าพระสามารถรับน้ำได้เต็มที่ 2,500 ลบต่อวินาที ในช่วงเดือนตุลาคมอาจจะต้องเฝ้าระวังเพิ่มเติม เพราะจะมีน้ำปริมาณมาก ซึ่งในขณะนี้มีการปล่อยน้ำจากเขื่อนทางตอนเหนือมาเพียงแค่ 4 ลบต่อวินาที มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในช่วงสัปดาห์นี้ได้อย่างแน่นอน
วันนี้ (30 ก.ค.)นายอดิศักดิ์ ขันตรี ผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำ(สนน.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับมือน้ำฝน ว่า ขณะนี้ทาง สนน.กำลังดำเนินการล้างท่อระบายน้ำ ขุดลอกคูคลองเพิ่มเติม รวมทั้งมีการเตรียมแนวกระสอบทรายกั้นบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 5 พันกระสอบ เพื่อเตรียมความพร้อมหากน้ำฝนและน้ำที่ปล่อยลงมาจากทางภาคเหนือของประเทศไทย อย่างไรก็ตามสำหรับบริเวณซอยสุขุมวิท 50 ที่เคยมีเหตุการณ์น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ทาง สนน.ได้เข้าไปเรียงแนวกระสอบทราย สูง 2.5 เมตร ทั้งนี้ยังได้มีการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ 700 คน จาก 50 เขต เพื่อเฝ้าระวัง
“พื้นที่กรุงเทพฯสามารถรับน้ำฝนได้ประมาณ 60 มิลลิเมตรต่อวินาที ซึ่งหากมีฝนตกมามากกว่านี้ก็จำเป็นที่จะต้องทำการสูบน้ำออกจากพื้นที่ ซึ่งความสามารถในการทำงานของเครื่องสูบน้ำสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งฝั่ง รพ.ศิริราช และฝั่งพระนคร ขณะนี้ถือว่าทำได้ได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นและสามารถระบายน้ำได้ 1600ลบ.ต่อวินาทีหากปริมาณน้ำฝนมาก แต่จะต้องดูทิศทางของน้ำฝนด้วย ซึ่งทาง สนน.ได้มีการตรวจสอบกับทางกรมอุตุนิยมวิทยาทุกวัน” ผอ.สนน.กล่าว
นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาขณะนี้ยังไม่มีความน่าเป็นห่วง เพราะการระบายน้ำจากทางตอนเหนืออยู่ 100 ลบ.ต่อวินาที โดยความสามารถในการรับน้ำของแม่น้ำเจ้าพระสามารถรับน้ำได้เต็มที่ 2,500 ลบต่อวินาที ในช่วงเดือนตุลาคมอาจจะต้องเฝ้าระวังเพิ่มเติม เพราะจะมีน้ำปริมาณมาก ซึ่งในขณะนี้มีการปล่อยน้ำจากเขื่อนทางตอนเหนือมาเพียงแค่ 4 ลบต่อวินาที มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในช่วงสัปดาห์นี้ได้อย่างแน่นอน