กทม. เรงรัดเข้าราดยางมะตอยพื้นถนนในสายใต้เก่าแล้ว หวังเริ่มให้เข้าจอดได้ 12 ส.ค.นี้ เพื่อเป็นของขวัญวันแม่ จับมือ บขส.เร่งหาผู้รับเหมาเข้าบริหารจัดการ
วันนี้ (23 ก.ค.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดระเบียบรถทัวร์รับ-ส่งนักท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ว่า ที่ผ่านมา ตนได้มีการประชุมหารือร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์ กรมศิลปากร เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว บริษัท ขนส่ง (จำกัด) (บขส.) รวมถึงหน่วยงานในสังกัด กทม.เพื่อทำการจัดระเบียบรถทัวร์ในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด เนื่องจากปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะรัตนโกสินทร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละวันมีรถนักท่องเที่ยวทั้งรถทัวร์ขนาดใหญ่และรถตู้รวมกว่า 600 คันต่อวัน หากเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวก็จะมีกว่า 800 คันต่อวัน ซึ่งพื้นที่จอดรถมีไม่เพียงพอ ทำให้มีรถทัวร์จำนวนมากต้องจอดริมถนน จึงทำให้การจราจรติดขัดอย่างมาก ทั้งนี้ทาง บขส.ได้อนุญาตให้สามารถนำรถทัวร์ไปจอดในพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ปิ่นเกล้า (สายใต้เก่า) โดยขณะนี้สำนักการโยธา (สนย.) กทม.อยู่ระหว่างเข้าไปปรับปรุงพื้นถนนโดยการราดยางมะตอยในบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ปิ่นเกล้า (สายใต้เก่า) ซึ่งจะเป็นจุดที่จะให้รถทัวร์ที่มาส่งนักท่องเที่ยวในเกาะรัตนโกสินทร์ไปจอดระหว่างรอนักท่องเที่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ อีกทั้งยังถือเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานด้วย เนื่องจากการที่รถยนต์ขนาดใหญ่เข้ามาเป็นจำนวนมากนั้นอาจกระทบกับโบราณสถานซึ่งการก่อสร้างในอดีตไม่ได้ใช้เสาเข็ม
“ เหตุที่ล่าช้าจากเดิมที่จะเริ่มให้รถทัวร์ไปจอดที่สถานีขนส่งสายใต้เก่าได้ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.เนื่องจาก บขส.อยู่ระหว่างการเร่งร่างประกวดราคา (ทีโออาร์) ให้บริษัทเอกชนเข้าไปเช่าพื้นที่ ซึ่งเดิมทีนั้น บขส.จะให้ กทม.เป็นผู้เช่าพื้นที่ แต่ กทม.ไม่มีกำลังที่จะเข้าไปบริหารจัดการได้ บขส.จึงต้องหาผู้เช่ารายอื่น แต่ทาง กทม.ได้ขอความร่วมมือ บขส.เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 12 ส.ค.เพื่อที่ให้รถทัวร์ได้เริ่มเข้าไปจอดได้ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค.เพื่อเป็นของขวัญวันแม่ แต่การที่รถทัวร์จะเข้าไปจอดในสถานีขนส่งสายใต้เก่านั้น จะต้องจ่ายค่าที่จอดด้วย ซึ่งได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการรถทัวร์ทั้ง 21 แห่งแล้ว หากไม่ได้รับความร่วมมือก็จะมีการจับและปรับ 2,000 บาททุกวัน” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
วันนี้ (23 ก.ค.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดระเบียบรถทัวร์รับ-ส่งนักท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ว่า ที่ผ่านมา ตนได้มีการประชุมหารือร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์ กรมศิลปากร เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว บริษัท ขนส่ง (จำกัด) (บขส.) รวมถึงหน่วยงานในสังกัด กทม.เพื่อทำการจัดระเบียบรถทัวร์ในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด เนื่องจากปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะรัตนโกสินทร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละวันมีรถนักท่องเที่ยวทั้งรถทัวร์ขนาดใหญ่และรถตู้รวมกว่า 600 คันต่อวัน หากเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวก็จะมีกว่า 800 คันต่อวัน ซึ่งพื้นที่จอดรถมีไม่เพียงพอ ทำให้มีรถทัวร์จำนวนมากต้องจอดริมถนน จึงทำให้การจราจรติดขัดอย่างมาก ทั้งนี้ทาง บขส.ได้อนุญาตให้สามารถนำรถทัวร์ไปจอดในพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ปิ่นเกล้า (สายใต้เก่า) โดยขณะนี้สำนักการโยธา (สนย.) กทม.อยู่ระหว่างเข้าไปปรับปรุงพื้นถนนโดยการราดยางมะตอยในบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ปิ่นเกล้า (สายใต้เก่า) ซึ่งจะเป็นจุดที่จะให้รถทัวร์ที่มาส่งนักท่องเที่ยวในเกาะรัตนโกสินทร์ไปจอดระหว่างรอนักท่องเที่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ อีกทั้งยังถือเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานด้วย เนื่องจากการที่รถยนต์ขนาดใหญ่เข้ามาเป็นจำนวนมากนั้นอาจกระทบกับโบราณสถานซึ่งการก่อสร้างในอดีตไม่ได้ใช้เสาเข็ม
“ เหตุที่ล่าช้าจากเดิมที่จะเริ่มให้รถทัวร์ไปจอดที่สถานีขนส่งสายใต้เก่าได้ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.เนื่องจาก บขส.อยู่ระหว่างการเร่งร่างประกวดราคา (ทีโออาร์) ให้บริษัทเอกชนเข้าไปเช่าพื้นที่ ซึ่งเดิมทีนั้น บขส.จะให้ กทม.เป็นผู้เช่าพื้นที่ แต่ กทม.ไม่มีกำลังที่จะเข้าไปบริหารจัดการได้ บขส.จึงต้องหาผู้เช่ารายอื่น แต่ทาง กทม.ได้ขอความร่วมมือ บขส.เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 12 ส.ค.เพื่อที่ให้รถทัวร์ได้เริ่มเข้าไปจอดได้ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค.เพื่อเป็นของขวัญวันแม่ แต่การที่รถทัวร์จะเข้าไปจอดในสถานีขนส่งสายใต้เก่านั้น จะต้องจ่ายค่าที่จอดด้วย ซึ่งได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการรถทัวร์ทั้ง 21 แห่งแล้ว หากไม่ได้รับความร่วมมือก็จะมีการจับและปรับ 2,000 บาททุกวัน” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว