xs
xsm
sm
md
lg

“พนิตา” ปรี๊ด!! ขรก.ทำงานชุ่ย ไม่สนองงานเป็นเหตุสั่งย้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“พนิตา” ยันย้าย ขรก.เหตุไม่สนองงานจริง อ้างทำงานชุ่ยงบ 5 หมื่นล.ส่งเอกสารชี้แจงแค่ 10 หน้า ชี้ทำงานชินที่ตั้งตัวเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ขู่ตัดงบสำนักอื่น ระบุเหลือเวลาทำงานอีก 3 ด.ขอใช้คนใหม่ อ้างต่อจะส่งผลดี ขรก.หมุนเวียนงานฝึกประสบการณ์ ไม่สนคนไม่พอใจร้องเรียนพร้อมแจง

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีทีนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัด ศธ.มีคำสั่งโยกย้ายข้าราชการระดับ 8-9 จำนวน 11 ราย ส่งผลให้ข้าราชการที่ถูกย้ายน้อยใจลาออกไป 1 ราย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภายใน ศธ.ว่าสาเหตุการย้ายครั้งนี้ เพราะไม่สนองนโยบายด้านงบประมาณ ขณะที่ข้าราชการที่ถูกย้ายกำลังจะร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (กพค.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่า ในที่ประชุมผู้บริหาร ศธ.ได้มีการสอบถามเรื่องดังกล่าว แต่เนื่องจาก นางพนิตา ไปชี้แจงงบประมาณต่อรัฐสภา และตนเห็นว่าการโยกย้ายครั้งนี้ ถือเป็นอำนาจของปลัด ศธ.โดยตรง เพราะเป็นผู้ที่จะทราบเหตุผลต่างๆ ดีที่สุด ดังนั้น จึงขอให้ปลัด ศธ.เป็นผู้ชี้แจงและทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง

ทั้งนี้ ส่วนที่มีข้าราชการลาออกเพราะคับข้องใจกับคำสั่งย้ายครั้งนี้นั้น เรื่องนี้ต้องฟังทั้งผู้ที่ออกคำสั่งและผู้ที่ถูกสั่งด้วย โดยผู้ที่ออกคำสั่งต้องมีเหตุผลว่าย้ายเพราะอะไร ในขณะที่ผู้ถูกสั่งก็มีคงจะเหตุผลแตกต่างกันไป และหากจะใช้เหตุผลว่าเพื่อความเหมาะสมก็ต้องดูว่าเหมาะสมจริงหรือไม่ และมีประเด็นอะไรที่ผู้ถูกย้ายโต้แย้ง เพราะคงเร็วไปที่จะบอกว่าการย้ายเหมาะสมหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าเหตุของการย้ายมาจากไม่สนองนโยบายด้านงบประมาณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ในช่วงแรกคงต้องให้ปลัด ศธ.ได้ชี้แจงก่อน เพราะเป็นอำนาจการบริหารงานบุคคลของปลัด ศธ.จากนั้นก็ต้องรายงานให้ตนทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีเหตุผลอะไร เพราะขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่าการย้ายดังกล่าวใช้เหตุผลอะไร เนื่องจากในคำสั่งไม่ได้ระบุไว้ แต่หากชี้แจงแล้วผู้ถูกย้ายยังรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็มีกลไกที่จะเข้ามาดูแล ทั้งในส่วนของการบริหารงาน ศธ.เอง หรือการร้องต่อคณะกรรมการชุดต่างๆ หรือใช้กลไกตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ทั้งนี้ตามกระบวนการแล้วแม้จะมีการร้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (กพค.) ก็ไม่ได้หมายความว่าคำสั่งย้ายจะหยุดชะงักลง

นางพนิตา กล่าวต่อว่า การโยกย้ายครั้งนี้เป็นครั้งแรก ตั้งตนเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งเดิมตั้งใจว่าจะย้ายตั้งแต่ต้นปี เพราะมีคนมาให้ข้อมูลในเรื่องของการทำงานที่ไม่เหมาะสม โดยมีเหตุผลสำคัญ อยู่ 4 ประเด็น ประเด็นแรก เกี่ยวข้องกับการย้ายข้าราชในสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สนย.) สำนักงานปลัด ศธ.เป็นการย้ายเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในส่วยของ สนย.นั้น ก่อนหน้านี้ ตนได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณเพื่อเตรียมชี้แจงงบประมาณต่อรัฐสภา และมีกำหนดจะเดินทางไปต่างประเทศวันที่ 9-18 มิถุนายน ดังนั้นจึงขอให้เจ้าหน้าที่ทำข้อมูลมาส่งตนในวันที่ 7 มิถุนายน เพื่อที่ตนจะได้นำเอกสารไปทำความเข้าใจล่วงหน้า เพราะคาดว่าจะต้องเข้าชี้แจงต่อรัฐสภาทันทีที่กลับจากต่างประเทศ แต่ปรากฏว่า ตนรอจนถึงเช้าวันที่ 9 มิถุนายน ได้เอกสารมาแค่ 10 หน้า สำหรับชี้แจงงบประมาณกว่า 50,000 ล้านบาท แต่เอกสารแค่สิบหน้าจะไปพอสำหรับการชี้แจงงบประมาณกว่า 50,000 ล้านบาทได้อย่างไร เทียบกับสมัยที่ตนเป็นปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) งบประมาณแค่ 13,000 ล้านบาท ยังได้เอกสารข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าเป็นเดือน

“เจ้าหน้าที่บางคนรับราชการมาตั้งแต่ปี 2524 เป็นเวลา 30 กว่าปี ทำงานได้แค่นี้ ก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับดิฉัน เหลือเวลาทำงานอีกแค่ 3 เดือน จะขอเลือกใช้คนใหม่ ต้องการคนที่สนองงานได้ ส่วนปลัด ศธ.คนใหม่ ถ้าเข้ามาแล้วจะเปลี่ยนแปลงโยกย้ายอีกครั้งก็เป็นเรื่องของท่าน ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องการอยู่ในตำแหน่งติดต่อกันเป็นเวลานาน เป็นเหตุผลข้อที่สอง ที่ใช้ในการโยกย้ายครั้งนี้ หลายคนที่ถูกย้ายอยู่ในตำแหน่งมากว่า 20-30 ปี โดยเฉพาะพวกที่อยู่ใน สนย.ทำตัวเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ เพราะถือว่าคุมงบประมาณ เที่ยวไปขู่สำนักอื่นๆ หากไม่ทำตามก็ขู่ว่าจะตัดงบประมาณของสำนักนั้น การโยกย้ายครั้งนี้ดิฉันปิดเป็นความลับ ไม่ได้บอกใคร เพราะไม่อยากให้คนเอาไปลือกัน จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด” ปลัด ศธ.กล่าว

นางพนิตา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม โดยปกติข้าราชการไม่ควรอยู่ในตำแหน่งเดียวกันเป็นระยะเวลานาน อย่างตนเริ่มทำงานตั้งแต่เป็นข้าราชการระดับ 3 อยู่หน่วยงานไหนไม่เกิน 3 ปี เพราะจะทำให้การทำงานเฉื่อยชา ไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นเหตุผลในการย้ายข้อ 3 คือต้องการหมุนเวียนตำแหน่งให้เกิดประโยชน์กับทุกคน การทำงานในที่เดียวเป็นเวลานาน จะทำให้รู้งานด้านเดียว แต่ถ้ามีการปรับเปลี่ยนก็จะมีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้มากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อการเติบโตต่อไป

ปลัด ศธ.กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุผลข้อสุดท้ายในการโยกย้ายนั้น ยืนยันว่าไม่มีใครถูกย้ายไปในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเดิม ทุกคนได้อยู่ในตำแหน่งเท่าเดิม หรือได้เลื่อนตำแหน่งขึ้น รวมถึงนายเบญจรงค์ ศรีเนตร ซึ่งตำแหน่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ภายใน สป.ระดับ 8 ตนจึงย้ายไปเป็นผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา มอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักประสานงานและบูรณาการการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะงานในตำแหน่งนี้มีโอกาสได้แสดงฝีมือ เป็นงานที่เกี่ยวกับภาคใต้ มีโอกาสใช้ผลงานตรงนี้มารับการพิจารณาเลื่อนเป็นข้าราชการระดับ 9 ได้ ขณะเดียวกันตำแหน่งดังกล่าวไม่ได้ส่งลงไปประจำในพื้นที่ภาคใต้ เป็นแค่สำนักประสานงานประจำอยู่ส่วนกลาง จะลงภาคใต้เป็นครั้งคราว และไปพร้อมกับตน

ทั้งนี้ กรณีที่บางรายถูกย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดทั้งที่เจ้าตัวยังมีลูกเล็กนั้นจังหวัดที่ย้ายไปถือว่าเป็นจังหวัดที่ไม่ไกล คือ ย้ายไป จ.ชลบุรี 2 คน ปทุมธานี 1 คน และจริงๆ แล้วการเป็นข้าราชการต้องไม่เอาเรื่องครอบครัวมาเป็นเงื่อนไข ในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นข้าราชการให้ไปอยู่ตรงไหนก็ต้องไปอย่างตนเคยถูกย้ายไปอยู่ จ.สมุทรสงคราม ในขณะที่ลูกเล็กเหมือนกันก็ต้องพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่ง ขณะเดียวกันก็ต้องรู้จัดบริหารครอบครัวให้อบอุ่นอยู่ได้ ไม่เคยเอาปัญหาครอบครัวมาขัดคำสั่งนาย ถ้าเรื่องแค่นี้ยังบริหารจัดการไม่ได้ ก็จะไม่สามารถเติบโตไปกว่านี้ได้

“ก่อนจะโยกย้ายครั้งนี้ได้ไตร่ตรองเป็นอย่างดีแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะถูกฟ้องร้องก็พร้อม จะชี้แจงทุกอย่าง ซึ่งเหตุผลหลักๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และหมุนเวียนคนที่ทำงานอยู่ในตำแหน่งเดิมนานๆ และหากการย้ายครั้งนี้ จะทำให้ข้าราชการกลับมาทำงานดีขึ้น ก็จะไม่มีการย้ายเกิดขึ้นอีกและดิฉันเป็นคนนอกที่เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ไม่ได้ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก และไม่ได้รู้จักใครเป็นพิเศษ อยู่ว่าใครจะทำงานให้เห็นว่าเป็นบวกหรือลบ ดังนั้นในการโยกย้ายครั้งนี้พิจารณาจากการทำงานเท่านั้น ไม่ได้มีนอกมีในกับใคร”นางพนิตา กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น